
· ค่าเงินออสเตรเรียดอลลาร์แข็งค่าหลังธนาคารกลางประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าและถูกกดดัน หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีกครั้ง
ขณะที่ตลาดค่าเงินวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาในช่วงเปิดตลาดยุโรป แต่บรรดานักลงทุนไม่ค่อยแตกตื่นกับการข่มขู่ขึ้นภาษีของสหรัฐฯเท่าไหร่นัก เนื่องจากยังมีมุมมองเชิงบวกว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนสัปดาห์นี้จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุด
ด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าเล็กน้อยมาที่บริเวณ 6.7781 หยวน/ดอลลาร์ หลังทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 6.8218 หยวน/ดอลลาร์
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.1% บริเวณ 97.420 จุด
นักวิเคราะห์จาก Daiwa Securities ระบุว่า หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนประสบความล้มเหลว จะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจีน ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จีนจะพยายามหาข้อตกลงให้สำเร็จ
ด้านค่าเงินเยนที่ถือเป็น Safe-haven ในช่วงที่เกิดเหตุความตึงเครียดทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจ ค่อนข้างทรงตัวในวันนี้ ที่บริเวณ 110.715 เยน/ดอลลาร์ หลังทำระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ไปเมื่อวานนี้
ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.1% บริเวณ 1.1215 ดอลลาร์/ยูโร
· ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7045 ดอลลาร์ หลังธนาคารกลางออสเตรเรียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.50% ในการประชุมประจำเดือน พ.ค. วันนี้
โดยรายงานหลังการประชุมระบุว่า ทางคณะกรรมการยังเห็นถึงช่องว่างที่เศรษฐกิจออสเตรเรียยังสามารถเติบโตต่อไปได้ และการเติบโตของตลาดแรงงานยังคงส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวได้ตามเป้า
USD/JPY : ชะลอตัวแถว 110.70 หลังดัชนี S&P 500 futures เคลื่อนไหวแดนลบ
· หลังจากที่สหรัฐฯได้ส่งสัญญาณจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ค่าเงินเยนเมื่อเทียบดอลลาร์ได้แข็งค่าจาก 111.00 เยน/ดอลลาร์ ลงไปบริเวณ 110.65-70 เยน/ดอลลาร์ ก่อนที่จะทรงตัวในกรอบ ท่ามกลางความสับสนและการเฝ้าระวังของตลาด
โดยค่าเงินได้เคลื่อนไหวทรงตัวในลักษณะสะสมพลังแถว 110.80 เยน/ดอลลาร์ มาเกือบ 2 ช่วงตลาด และมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าลงไปได้อีก เนื่องจากค่าเงินเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย โดยเฉพาะเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันที่เคลื่อนไหวขาลงและอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยรายใหญ่ ขณะที่เส้น RSI หลังจากรียาวน์ร่วงลงมาในแดน Oversold ล่าสุดก็ยังเคลื่อนไหวในแดนดังกล่าวแบบทรงตัว เป็นสัญญาณว่าไม่มีความต้องการที่จะเข้าซื้อในตลาด ทั้งนี้ หากค่าเงินจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ จำเป็นจะต้องยืนเหนือระดับ 111.10 เยน/ดอลลาร์ ที่เป็นระดับปิดตลาดสัปดาห์ก่อนให้ได้เสียก่อน
· ทางการจีนยืนยัน นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ 9-10 พ.ค. เพื่อกลับสู่การเจรจาทางการค้าตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆต่อการคาดหวังถึงหัวข้อการเจรจาดังกล่าว
· รัฐบาลตุรกีประกาศยกเลิกผลการเลือกตั้งผู้ว่าเมืองอิสตันบูล หลังตัวแทนผู้ว่าพรรค AK ของนายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี แพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคคู่แข่งอย่าง CHP พร้อมประกาศจะจัดการเลือกตั้งผู้ว่าขึ้นใหม่อีกครั้ง จึงส่งผลกระทบต่อค่าเงินลีรา และถูกพรรคคู่แข่งกล่าวหาว่าเป็นการปกครองแบบ “เผด็จการ”
· สหรัฐฯเตรียมประกาศขึ้นภาษี 17.5% สำหรับมะเขือเทศนำเข้าจากเม็กซิโก เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับการทุ่มตลาดแม้จะมีการร่างสนธิสัญญาการค้าฉบับใหม่ที่มาแทนสัญญาเมื่อปี 2013 ได้ก็ตาม
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่า สหรัฐฯจะกลับมาดำเนินการสืบสวนการเข้าซื้อมะเขือเทศจากเม็กซิโกเพื่อป้องกันการทุ่มตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ทางสหรัฐฯได้ถอนตัวออกจากสัญญาการค้าชั่วคราวที่ช่วยป้องกันไม่ให้มะเขือเทศจากเม็กซิโกถูกเข้าซื้อแบบทุ่มตลาด ตราบใดที่เม็กซิโกไม่ขายมะเขือเทศในราคาที่สูงเกินระดับราคาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งทางสหรัฐฯได้กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวประสบความล้มเหลว
· นายวอร์เรน บัฟเฟท์ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะเป็นผลเสียต่อ “เศรษฐกิจทั่วโลก”
ถ้อยแถลงของนายบัฟเฟท์เกิดขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความที่ระบุว่าจะดำเนินการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ามูลค่า 2 แสนล้านเหรียญจากจีนจาก 10% เป็น 25% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์สัปดาห์นี้
· ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวผันผวนในวันนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากความตึงเครียดทางค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง ขณะที่การคว่ำบาตรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่างอิหร่านและเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัว
โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.2% บริเวณ 71.12 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 5 เซนต์ บริเวณ 62.30 เหรียญ/บาร์เรล