· ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาปิดแดนบวกได้ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การพูดคุยทางการค้ากับทางจีนยังคงดำเนินไป ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนยังคงมีความแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์จึงปิดปรับขึ้นไปได้ 114.01 จุด ที่ 25,942.37 จุด โดยปรับขึ้นมาได้หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 358 จุดในช่วงต้นตลาดจากกรณีที่จีนเผชิญมาตรการขึ้นภาษีรอบใหม่จากทางสหรัฐฯที่มีผลบังคับใช้แล้วที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิด +0.37% ที่ 2,881.4 เหรียญ และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้นมาที่ 7,916.94 จุด
ทั้งนี้ หลังจากที่นายทรัมป์ ทวิตเตอร์ข้อความในช่วงค่ำวันศุกร์ก็ได้ส่งผลบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ โดยทรัมป์ ระบุถึงการเจรจากับทางจีนที่มีความตรงไปตรงมาและมีความคืบหน้ามากขึ้น ขณะที่การขึ้นภาษีสินค้าจีนครั้งใหม่อาจมีการยกเลิกหรือไม่ก็ได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการเจรจา
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบในวันนี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนของข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่สหรัฐฯใช้มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนครั้งใหม่ โดยดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.9% และดัชนี Kospi เปิด -0.77%ทางด้านดัชนี ASX200 เปิด -0.48%
· ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารกสิกรไทย คาดเงินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ระหว่าง 31.40-31.80 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจในประเทศอยู่ที่สถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน, ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย สำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออก ยอดค้าปลีก, ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเม.ย. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนมี.ค.
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯเตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเป็น 25% ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.62 (ตามเวลาสหรัฐฯ) ว่า ถือเป็นข่าวช็อคโลกอย่างมาก เพราะโลกคาดการณ์ว่า ทั้ง 2ประเทศน่าจะเจรจากันได้ และก่อนหน้านี้ สัญญาณต่างๆ ด้านเศรษฐกิจดีขึ้น แต่การขึ้นภาษีจริงๆ จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอลง กระทบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทย โดยอาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ต่ำกว่า 3.5% จากเดิมที่คาดจะขยายตัว 3.8%
- รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงการที่สหรัฐฯเตรียมปรับขึ้นภาษี ว่า การเตรียมขึ้นภาษีสินค้าครั้งนี้ เป็นกลุ่มสินค้าเดิม แม้สหรัฐฯจะขึ้นภาษีเป็น 25% ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการค้าไทยกับจีนและกับสหรัฐฯ ในภาพรวมมากนัก แต่อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงไปอีก และจะส่งผลกระทบทางอ้อมกับไทย ซึ่งพึ่งพาการส่งออก
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับคาดการณ์ผลกระทบจากภัยแล้งที่มีต่อพืชเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้ง จากเดิมที่เคยประเมินผลกระทบของภัยแล้งในปี 2562 (ณ เดือนมีนาคม) ว่าน่าจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม โดยคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 15,300 ล้านบาท แต่ครั้งนี้จะเป็นการปรับคาดการณ์กรอบเวลาที่เกิดภัยแล้งเพิ่มเติมว่า ภัยแล้งอาจกินเวลาลากยาวออกไปอีกราว 2 เดือนคือ มิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งอาจกระทบต่อมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นราวเดือนละ 1,000 ล้านบาท จนอาจประเมินได้ว่าหากภัยแล้งลากยาวไปจนถึงเดือนก.ค.2562 ก็อาจทำให้เกิดมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมที่ราว 17,300 ล้านบาท