· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ออกไปก่อน โดยดาวโจนส์ปิด +115.97 จุด ที่ระดับ 25,648.02 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดร่วงลงไปมากถึง 190 จุด ทางด้านดัชนีS&P500 ปิด +0.6% ที่ 2,850.96 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด +1.1% ที่ 7,822.15 จุด
· แหล่งข่าว 3 แห่ง ที่ระบุกับทาง CNBC ว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ออกไปเป็นเวลา 6 เดือน สอดคล้องกับรายงานฉบับแรกของ Bloomberg
· ตลาดหุ้นยุโรปกลับมาปิดบวกอีกครั้งตอบรับข่าวที่ นายทรัมป์ จะเลื่อนแผนการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปออกไปก่อน โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +0.39% ขณะที่หุ้นกลุ่มยานยนต์ปิด +2.02%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าทางการค้าโลกบางส่วนก็ตาม โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.52% ท่ามกลาง Topix ที่เปิด -0.41% และ Kospi เปิด -0.11% ทางด้าน ASX200 เปิด +0.15%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน ประเมินว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้น่าจะอยู่ระหว่าง 31.55-31.65 บาท/ดอลลาร์ โดยยังมีปัจจัยจากความกังวลเศรษฐกิจไทยอาจจะชะลอตัวผลจากปัญหาสงครามการค้าและการเมืองยังไม่นิ่งเข้ามากดดัน
อนึ่ง มีรายงานว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ภาวะสงครามการค้าสหรัฐและจีนรอบใหม่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ประกอบกับสหรัฐมองว่าไทยแทรกแซงค่าเงินบาทก็จะทำให้การส่งออกของไทยได้รัผลกระทบ
-รมช.พาณิชย์ คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะลดลงจากเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายตัวที่ 8% เมื่อเทียบกับปี 61 เนื่องจากผลกระทบจากการที่สหรัฐฯได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่เป็น 25% และจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเป็นการตอบโต้ว่า จะมีผลทำให้เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของโลก ชะลอตัวลงมาก และยังทำให้ตลาดเงิน ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก ทุกประเทศได้รับผลกระทบหมด
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว). หรือ SME D Bank เตรียมออกพันธบัตร วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อนำมาใช้ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน คาดจะสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้กว่า 8,000 ราย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระบบมูลค่ากว่า 36,640 ล้านบาท
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารออมสิน สำรวจการใช้จ่ายของประชาชนฐานรากในช่วงเปิดเทอม ปี 2562 พบว่า ภาพรวมช่วงเปิดเทอม ปี 2562 ประชาชนฐานรากมีการใช้จ่ายลดลงจากปีก่อน โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยลดลงถึง 18% เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีความระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น เช่น เลือกที่จะใช้ สิ่งของเดิมที่มีอยู่แล้ว