· ราคาทองคำทรงตัว โดยแกว่งตัวสะสมพลังในกรอบแคบๆ และมีการเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,300 เหรียญ ท่ามกลางสหรัฐฯที่ออกมาตรการคว่ำบาตรบริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างหัวเหว่ย จึงลดมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ราคาทองคำตลาดโลกทรงตัวที่ 1,296.3 เหรียญ และยังเคลื่อนไหวแคบๆในกรอบประมาณ 3 เหรียญ ทางด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับขึ้น 0.1% ที่ 1,296.8 เหรียญ
· นักเศรษฐศาสตร์จาก National Australia Bank กล่าวว่า ราคาทองคำยังมีภาวะตึงเครียดจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นปัจจัยสนับสนุน แต่การที่สหรัฐฯและจีนยังตกลงเดินหน้าเจรจากันต่อก็ดูเหมือนจะส่งผลบวกให้ราคาทองคำยังทรงตัวในกรอบ 1,280 - 1,310 เหรียญ
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงหลังจากที่สหรัฐฯมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย จึงมีท่าทีคุกคามความสัมพันธ์ทางการค้ามากขึ้น และทำให้แรงหนุนในตลาดเป็นไปอย่างจำกัด แม้ว่าจะมีรายงานว่านายทรัมป์น่าจะเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารถยนต์ยุโรปออกไป
ข่าวคว่ำบาตรหัวเว่ย ดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขจัดความหวังที่จะเห็นข้อตกลงทางการค้าเป็นไปอย่างราบรื่น และทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัวลงจากความกังวลต่อภาวะความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลก
· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนจีนเพื่อเจรจาทางการค้าต่อในเร็วๆนีี้ ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าที่ดูจะเข้มข้นขึ้น หรือควาไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำในฐานะ Safe-Haven
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดว่า ราคาทองคำจะมีแนวต้าน 1,307 เหรียญ และมีโอกาสทดสอบได้อีกครั้ง โดยหากผ่านไปได้มีโอกาสเห็นทองคำพุ่งไปที่ 1,322 เหรียญ
· สำนักข่าว Kitco ระบุว่า ในช่วงที่เกิดสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทุกสายตาต่างก็ให้ความสำคัญว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบรับเช่นใด และหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของเราก็มองว่าทองคำจะได้รับอานิสงส์เชิงบวก
นายแกรี แว็กเนอร์ บรรณาธิการ TheGoldForecast.com ระบุว่า การที่สหรัฐฯทำการขึ้นภาษีสินค้า 25% คิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญจากสินค้าจากจีน และในระยะยาวดูจะส่งผลให้ทองคำฟื้นตัวต่อ เนื่องจากอัตราภาษีจะกระทบต่อเงินเฟ้อ ซึ่งภาษีนำเข้าสินค้าจะส่งผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภค รวมทั้งภาคบริษัทที่มีการใช้สินค้านำเข้าเหล่านี้ โดยจะทำให้กลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้เงินยิ่งเฟ้อ ซึ่งจะไปสู่ความเป็นไปได้ให้เศรษฐกิจถดถอย
· รายงานจาก Morgan Stanley ระบุว่า ทองคำดูจะน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความตึงเครียดทางการค้าที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอ และฉุดให้ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่กรณีการขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีนเท่านั้นที่นักลงทุนให้ความสนใจ แต่ Morgan Stanley มองว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิด Trade War กับทางฝั่งยุโรปด้วยนั้นก็ดูจะเป็นปัจจัยเสี่ยงครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีเวลาจนถึงวันที่ 18 พ.ค. ที่จะตัดสินใจว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากทางยุโรป โดยเป็นกำหนดเวลาช่วง 90 วัน หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ใช้ศึกษากรณีการนำเข้ารถยนต์ดูจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี บางรายงานก็ระบุว่า นายทรัมป์น่าจะทำการเลื่อนการตัดสินใจดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญ Trade War สองทาง ในขณะที่สหรัฐฯมีการเจรจากับทางจีนอยู่ในเวลานี้
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley กล่าวว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับทางยุโรปดูจะส่งผลกระทบมากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศจีน นี่จึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯจึงเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก เพราะจะเป็นสาเหตุที่กระทบต่อภาคบริษัทฯ และผลประกอบการ
· นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์ ก็ยังมองว่า Trade War ระหว่างสหรัฐฯกับยุโรป อาจทำให้เฟดต้องตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME ชี้ว่า มีโอกาสกว่า 70% ที่จะเห็นเฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีนี้ และทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมค่าเงินดอลลาร์จึงดูไม่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกใดๆจากความตึงเครียดที่ขยายเวลามาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงส.ค.หรือก.ย. ปีที่แล้ว