· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลดลง แม้ว่าจะสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อวานนี้ หลังจาก รายงาน CNBC เปิดเผยว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะชะลอการประกาศเกี่ยวกับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป โดยเลื่อนจากวันที่ 18 พ.ค.นี้ ไปอีก 6 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.4% ขณะที่หุ้นผู้ผลิตรถยนต์ Porsche, BMW และ Daimler เพิ่มสูงขึ้น
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนที่ถูกกดดันหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯโจมตีหัวเว่ยยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้น
โดยหลังจากที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้านกระทรวงพาณิยช์ได้เพิ่มรายชื่อของบริษัทหัวเว่ยรวมถึงบริษัทในเครืออีก 70 แห่งอยู่ในรายชื่อบัญชีดำ หรือ "แอนตี้ลิสต์" สั่งห้ามบริษัทเอกชนของสหรัฐฯทุกแห่งทำธุรกิจหรือใช้งานอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใดๆของทางหัวเว่ยเด็ดขาด
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ร่วงลง 0.25% อย่างไรก็ดี ยังทรงตัวไม่ไกลจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯและจีน รวมทั้งประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาทาวการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน ขณะที่รายงานผลประกอบการภาคธนาคารออกมาร่วงลง
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.6% ที่ระดับ 21,062.98 จุด
· นักกลุยทธ์อาวุโสประจำ Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ระบุว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงทำให้ตลาดประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด
· ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ประจำ Bank Of America ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอนั้น ส่งสัญญาณเตือนถึงความสมบูรณ์ของเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากความไม่แน่นอนจากภายนอกเพิ่มสูงขึ้น
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้นในัวนนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยดัชนี Shanghai Composite ปิดเพิ่มสูงขึ้น 0.6% ที่ระดับ 2,995.71 จุด
ขณะที่หุ้นของซัพพลายเออร์บริษัทหัวเว่ยได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามาโจมตีบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนที่มีมาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มองค์ประกอบที่ก่อความไม่สงบให้กับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน