· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนบวกจากความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นตอบรับผลประกอบการบริษัทที่แข็งแกร่งอย่างบริษัทวอลมาร์ท และซิสโค ซิสเตมส์ ขณะที่หุ้นภาคธนาคารก็มีการปรับตัวสูงขึ้น
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นไป 214.66 จุด ที่ระดับ 25,862.68 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.9% ที่ 2,876.32 จุด และ Nasdaq ปิด +1% ที่ระดับ 7,898.05 จุด และถือว่าทั้ง 3 ดัชนีมีการปรับขึ้นได้ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันทำการ
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้น โดยฟื้นตัวกลับจากช่วงต้นตลาดที่ร่วงลงตอบรับข่าวที่นายทรัมป์มีการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย โดยดัชนี Stoxx600 เมื่อคืนปิด +1.2%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับขึ้นในเช้านี้ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ตอบรับข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.71% ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.3% และดัชนี ASX200 เปิด +0.85%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55 - 31.70 บาท/ดอลาร์
ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองในประเทศช่วงนี้อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับค่าเงินบาทมากนัก เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง โดยคงต้องจับตาดูในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ หลังจากมีการเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี และความชัดเจนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 62 ลงเหลือ 3.5% จากเดิม 3.8% พร้อมปรับลดการส่งออกปีนี้ ลงเหลือเพียง 0.5% จากเดิม 3.9% โดยมองว่าปัจจัยลบสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน, เงินบาทมีแนวโน้มผันผวน, ความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ผู้ว่า ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 มีโอกาสจะขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 3.8% เนื่องจากสถานการณ์การค้าโลกรุนแรงกว่าคาด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีความผันผวน โดยมีสาเหตุจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ในเดือน มิ.ย.
- รมว.คลัง ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ในกรอบ 3-4% หรืออยู่ที่ระดับ 3.8% ตามที่เคยประเมินไว้ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง แม้จะต้องเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ตาม นอกจากนี้ ไทยยังมีความมั่นคงทางการเงินการคลัง เป็นประเทศที่น่าลงทุน หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ เงินทุนสำรองของประเทศยังอยู่ในระดับสูง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารจัดการเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย