• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2562

    21 พฤษภาคม 2562 | SET News

· คืนวันศุกร์หุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลง หลังรายงานจาก CNBC เผยว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน หยุดชะงักงัน โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -98.68 จุด ที่ระดับ 25,764 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.6% ที่ 2,859.53 จุด และดัชนี Nasdaqปิด -1% ที่ 7,816.28 จุด และทำให้ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปิดปรับลงเป็นสัปดาห์ที่ 4

แหล่งข่าวมีการเปิดเผยกับทาง CNBC โดยระบุว่า กำหนดเวลาเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ถูกระงับไว้นับตั้งแต่ที่ทีมบริหารของนายทรัมป์มีการเพิ่มบทลงโทษต่อบริษัทเทเลคอมรายใหญ่ของจีนอย่างหัวเว่ย

· จากการขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยจากทางสหรัฐฯ ก็ได้ส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯยังคงปิดปรับตัวลงต่อ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 84.1 จุด ที่ระดับ 25,679.9 จุด โดยช่วงต้นตลาดดิ่งลงไปมากถึง 203 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.7% ที่ 2,840.23 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -1.46% ที่ 7,702.38 จุด

รายงานจาก Bloomberg ล่าสุด สะท้อนว่าทาง Google จะจำกัดการให้บริการและการทำธุรกิจกับทางหัวเว่ย ทั้งในเรื่องของฮาร์แวร์, ซอร์ฟแวร์ รวมไปถึงบริการด้านเทคนิคต่างๆ ตามคำสั่งของทีมบริหารนายทรัมป์ที่ขึ้นบัญชีดำกับทางบริษัทหัวเว่ย และเรียกร้องให้บริษัทสหรัฐฯที่มีการทำธุรกิจกับทางหัวเว่ยและบริษัทจีนจำเป็นต้องระงับตามคำสั่งดังกล่าว ขณะที่ล่าสุดบริษัท Intel และ Qualcomm รวมทั้ง Broadcom ก็จะไม่ให้การสนับสนุนต่อบริษัทหัวเว่ยจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงใดๆ

ผลดังกล่าวทำให้หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพปรับตัวลง ทั้ง Nvidia และ Advanced Micro Devices ร่วงลงไปกว่า 3% หุ้นบริษัท Lam Research ดิ่งลง 5.4% ขณะที่ Micron Technology ปรับลง 4% ด้าน Qualcomm ร่วง 6% ซึ่งภาพรวมของซัพพลายเออร์บริษัทเทเลคอมอย่าง Lumentum Holdings ก็ปรับตัวลงไปกว่า 4% หลังมีการปรับลดผลประกอบการลง

หุ้นบริษัท Apple ก็ร่วงลงไปกว่า 3% หลังจากที่นักวิเคราะห์จาก HSBC ปรับลดเป้าราคาเครื่องมือสื่อสารของบริษัทยักษ์ใหญ่จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า

· หุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงคืนวันศุกร์จากความกังวลเรื่องสงครามการค้า ขณะที่การเจรจา Brexit ระหว่างพรรครัฐบาลและพรรคอนุรักษ์นิยมยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.34%

นักลงทุนกำลังจับตาประเด็นเด่นระดับโลก โดยพุ่งเป้าไปยัง Trade War ขณะที่ล่าสุดทีมบริหารของนายทรัมป์ยืนยันที่จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปออกไปอีก 6 เดือน

หุ้นยุโรปยังคงปิดปรับตัวลงต่อเมื่อคืนนี้จากข่าวสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -1.2% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ต่างปรับตัวลงไปเกือบ 3% จากกรณีดังกล่าว

· หุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้าวันนี้ ท่ามกลางตลาดที่ยังตอบรับกับข่าวที่สหรัฐฯเดินหน้าคว่ำบาตรบริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างหัวเว่ย โดยดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.29% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -0.54% ทางด้าน Kospiของเกาหลีใต้เปิด -0.55% และหุ้น ASX200 เปิด -0.47%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ 31.60 - 32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยจุดสนใจในประเทศน่าจะอยู่ที่ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2562 การส่งออกเดือนเม.ย.62 และสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทิศทางค่าเงินหยวน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนพ.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. รวมถึงบันทึกการประชุมเฟด (30 เม.ย.-1 พ.ค.)

- ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทมีโอกาสที่จะผันผวนได้ทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า โดยประเด็นหนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่สูงต่อเนื่อง ประกอบกับความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอลงและส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯลดอัตราดอกเบี้

อย่างไรก็ดีเนื่องจากจีนและประเทศในเอเชียรวมทั้งไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนสูงดังนั้นหากหยวนอ่อนค่าเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯก็จะส่งผลกดดันค่าเงินเอเซียโดยรวมรวมทั้งเงินบาทให้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯด้วย

-นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับธนาคารโลก เพื่อยกระดับประเทศและภูมิภาคในทุกด้าน โดยในระยะยาว ไทยยังต้องพัฒนาอีกหลายด้าน ซึ่งต้องการคำแนะนำและความเชี่ยวชาญจากธนาคารโลก ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการจัดทำกรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระดับประเทศ (Country Partnership Framework: CPF) กับธนาคารโลก เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ไทยอย่างยั่งยืน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์

- ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ สภาพัฒน์ จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสแรกปี 2562 โดยคาดว่าจะขยายตัว 3.1% ลดลงจากไตรมาส 4/2561 ที่ขยายตัว 3.7% ทั้งนี้ หากเป็นตามคาดการณ์ จะเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส และจะกดดันให้หน่วยงานต่างๆ ทยอยปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ปีนี้ลง จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ระดับ 3.8 – 4%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com