· ราคาทองคำทรงตัวหลังทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงตลาดที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ จึงหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันทองคำในฐานะ Safe-haven
โดยราคาทองคำปรับลงเล็กน้อยประมาณ 0.1% บริเวณ 1,275.81 เหรียญ โดยในช่วงตลาดก่อนหน้าราคาทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1,273.22 เหรียญ
ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.1% เช่นกัน เคลื่อนไหวบริเวณ 1,275.40 เหรียญ
· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ2 สัปดาห์ครึ่ง ท่ามกลางแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์ในฐานะ Safe-haven มากขึ้น
· นักวิเคราะห์จาก DailyFX ประเมินว่า ความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากเฟดไม่มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินมากเท่าที่ตลาดคาดหวังไว้
โดยตราบใดที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจประกาศออกมาสอดคล้องกับมุมมองของเฟด วัฏจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็อาจจะไม่จบลงเท่านี้ และต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด เมื่อวานนี้ได้กล่าวว่า ยัง “เร็วเกินไป” ที่จะแน่ใจได้ว่าผลกระทบจากการเจรจาค้าและนโยบายภาษีส่งผลกระทบอย่างไรกับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆยังคงบ่งชี้ไปถึงทิศทางของเศรษฐกิจที่สดใส
ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ เคลื่อนไหวผันผวนใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดจากกรณีที่สหรัฐฯประกาศขึ้นบัญชีดำ Huawei อาจทำให้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก
· นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองคำซึ่งปกติมักถูกมองว่าเป็น Safe-haven ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้น กลับไม่มีการตอบสนองมากนักกับข่าวการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ไม่ค่อยดีนัก ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์เริ่มถูกมองในฐานะ Safe-haven มากขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และบรรดานักลงทุนก็ให้ความสนใจเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงมากกว่า
รัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ ได้กล่าวว่าสหรัฐฯดูเหมือนจะคาดหวังต่อผลลัพธ์การเจรจาที่ “ดีมากเกินไป” ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศอาจยืดเยื้อออกไปอีก
· นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ระบุว่า ราคาทองคำขาดแรงหนุนในทิศทางขาขึ้น แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและความไม่มั่นคงทางการเมืองในตะวันออกกลางก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ได้สร้างความผันผวนในระยะสั้นๆที่มากที่สุด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven มากขึ้นเรื่อยๆ
· ตลาดจะจับตารายงานการประชุมเฟดเดือน พ.ค. ที่จะเปิดเผยในคืนวันพุธสัปดาห์นี้ เพื่อหามุมมองของเฟดที่มีต่อเศรษฐกิจ
หัวหน้าฝ่าย Trading ประจำ MKS ระบุว่า แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่ทองก็ไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ และมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไว้ที่ระหว่าง 1,267-1,309 เหรียญ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำก็ยังได้รับแรงหนุนจากประเด็นข่าวความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางและการเจรจาทางการค้าอยู่
นักกลุยทธ์ประจำ RJO Futures กล่าวว่า ราคาทองคำอาจถูกเทขายในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ระยะยาวยังดูเป็นแนวโน้มทิศทางขาขึ้นได้ โดยแนะนำให้จับตาการ Breakout ของราคา
หัวหน้าฝ่าย Research ประจำ London Capital Group ทองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากมันยังคงต่อสู้กับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ได้ แม้ว่าทองคำจะไม่สามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,300 เหรียญก็ตาม อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือแนวรับที่ระดับ 1,280 เหรียญ ดังนั้น หากตลาดหุ้นอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ
GOLD TECHNICAL ANALYSIS
· ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวเหนือแนวรับที่เป็นเส้นเทรนขาขึ้นจากช่วงกลางเดือน ส.ค. 2018 โดยที่ยังมีแรงหนุนจากแนวรับถัดที่บริเวณ 1,260.80 – 63.76 เหรียญ หากราคาปิดตลาดวันนี้ต่ำกว่าระดับดังกล่าว จะมีโอกาสย่อลงไปถึงบริเวณ 1,235.11 – 38.00 เหรียญ ในทางกลับกัน หากราคาผ่านแนวต้านที่ 1,303.70 – 09.12 เหรียญ กจะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1,323.40 – 26.30 เหรียญ ตามมาด้วยระดับสูงสุดของเดือน ก.พ. ที่ 1,346.75 เหรียญ
· ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.3% บริเวณ 14.43 เหรียญ โดยในช่วงตลาดก่อนหน้าปิดใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 14.33 เหรียญ
· ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.2% บริเวณ 813.36 เหรียญ หลังลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 805.50 เหรียญในช่วงตลาดก่อนหน้า ส่วนราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.5% บริเวณ 1,335.15 เหรียญ