· ตลาดหุ้นสหรัฐฯอ่อนตัวลงจากความตึงเครียดของสงครามการค้าที่ดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และฉุดให้หุ้นบริษัท Qualcomm รวมทั้งหุ้นกลุ่มผู้ค้าปลีกรายอื่นๆปรับตัวลงจากความเชื่อมั่นในตลาดที่เป็นขาลง
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -100.72 จุด ที่ระดับ 25,776.61 จุด ขณะที่หุ้น S&P500 ปิด -0.3% ที่ 2,856.27 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด -0.5% ที่ระดับ 7,750.84 จุด
ทั้งนี้ ตลาดอ่อนตัวลงหลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่ายังไม่มีกำหนดวันเจรจาการค้าครั้งต่อไปกับทางจีน จึงลดความหวังที่จะเห็นทางแก้ปัญหาร่วมกันได้โดยเร็วระหว่างสองประเทศ ขณะที่แรงกดันความเชื่อมั่นเชิงลบยังมีต่อเนื่อง หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะไม่ทำงานร่วมกับทางพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับร่างงบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน หากพวกเขายังคงเดินหน้าต่อกระบวนการสืบสวนในตัวเขา
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงจากกลุ่มนักลงทุนที่จับตาความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนกับสหรัฐฯ จากประเด็น Trade War โดยดัชนี Stoxx 600 ปิด -1.5% ท่ามกลางกุล่มแบงก์ที่ปิด -1.45% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่รีบาวน์ปิด +1.24%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงจากกลุ่มนักลงทุนที่รอเจรจาการค้า โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.54% ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.31% และดัชนี ASX200 ปิด -0.19%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85 - 32.00 บาท/ดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์ เผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเม.ย.62 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 18,555 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.57% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 20,012 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน0.72% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,457 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการส่งออกที่ลดลงเป็นผลจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ โดยเฉพาะปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งการค้าโลกและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัวลง
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.3% ต่ำกว่าที่เคยประมาณการไว้ที่ 3.6% เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งมากกว่าที่คาดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และยังรวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดด้านสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่กลับมาปะทุอีกครั้ง ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าของไทยโดยตรง โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าส่งออกของไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าจีนที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดแผงวงจรไฟฟ้าไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การส่งออกในเดือนเม.ย.62 ที่ลดลง 2.57% นั้น ในระยะต่อไปยังมีโอกาสที่จะลดลงได้อีก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยังยืดเยื้อ ในขณะที่ไทยเองจะต้องเร่งผลักดันเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานที่รอการลงทุนอยู่ 7 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาช่วยขับเคลื่อน