MTS Help Center

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนลบ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ดิ่งลงอีกครั้งและสร้างความกังวลต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ-จีน ที่ดูจะยังเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้น

เมื่อคืนนี้ดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 221.36 จุด ที่ระดับ 25,126.41 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -0.7% ที่ 2,783.02 จุด และ Nasdaq ปิด -0.8% ที่ 7,547.31 จุด

ทั้งนี้ระหว่างวันดาวโจนส์ร่วงลงไปกว่า 400 จุด จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทำระดับต่ำสุดในวัน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ดิ่งลงทำ Low สุดนับตั้งแต่ ก.ย. ปี 2017 ก่อนจะรีบาวน์มาแถว 2.26% ขณะที่ผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 3 เดือนยืนเหนือระยะยาว 10ปี ได้ที่ 2.36% และภาวะผกผันเช่นนี้ส่งผลให้นักลงทุนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะประสบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

· ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ประกอบกับความเป็นไปได้ที่จะมีความขัดแย้งจากปัญหางบประมาณระหว่างอิตาลีและอียู โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -1.4% นับเป็นระดับการปิดร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่ 11 มี.ค. ขณะที่หุ้นทรัพยากรปรับร่วงลงไปกว่า 2.5% และหุ้นหลักอื่นๆก็เคลื่อนไหวแดนลบ

บรรดาเทรดเดอร์มีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นต่อการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง จาก Trade War ของสองชาติมหาอำนาจที่เกิดขึ้น ขณะที่ปัญหาในยุโรปตลาดก็กังวลต่อเรื่องทางการเมืองระหว่างอิตาลีและอียู หลังจากมีรายงานฉุกเฉินว่า อียูกำลังพิจารณาจะใช้อำนาจตามกฎระเบียบวินัยหลังรัฐบาลอิตาลียังคงล้มเหลวในการควบคุมระดับหนี้สิน

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากทางยุโรปกล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเก็บค่าปรับจากอิตาลีหรือไม่ แต่คณะบริหารของอียูมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของอิตาลีอยู่

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงเช้านี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ดิ่งลงกว่า 200 จุด โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.34% ทางด้าน Topix เปิด -0.44% และหุ้นออสเตรเลีย ASX200 เปิด -0.6%

ขณะที่หุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.72% จากหุ้นบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ และหุ้นผู้ผลิตชิปอย่าง SK Hynix ที่ต่างก็เปิดแดนบวกกว่า 1%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.75 - 31.90 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางของค่าเงิน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากต่างประเทศ หรือแม้แต่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล

- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในส่วนการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่ล่าช้าไปจากกำหนดเดิมประมาณ 3 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 63 จากเดิมวันที่ 1 ต.ค. 62 นั้น มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมากนัก เพราะในระหว่างนี้ ส่วนราชการสามารถใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2562 ไปก่อนได้

- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยไม่ติดอยู่ในรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองในเรื่องของการแทรกแซงค่าเงินอย่างใกล้ชิด

รวมทั้ง จะยังไม่ทบทวนหลักเกณฑ์ในมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่ธปท.ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 1 เม.ย.62 โดยจะขอติดตามสถานการณ์ไปอีกระยะ เนื่องจากเห็นว่าหลักเกณฑ์ของประเทศไทย ยังถือว่าเป็นแค่เริ่มต้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีมาตรการเข้มงวดมากกว่านี้

- 22 ธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างประเทศ เตรียมให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชนเป็นบริการแรก เริ่มใช้งานในเดือนมิ.ย.62