· ตลาดหุ้นอนุพันธ์สหรัฐฯเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่อ่อนตัวลงไปในวันก่อนหน้า ท่ามกลางประเด็นสงครามการค้าของสองชาติมหาอำนาจที่ยังคุกรุ่น โดยดัชนี Dow Futures ปรับขึ้น 76 จุด โดยขยับขึ้นต่อจากที่ช่วงต้นตลาดปรับขึ้น 57 จุด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq ก็เปิดแดนบวก
ตลาดหุ้นกำลังให้ความสนใจไปยังความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นการค้าระดับโลก หลังจากที่นักการทูตอาวุโสของจีนมองว่า Trade War ดูจะยังไม่ยุติในเร็วๆนี้
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวขึ้นหลังจากที่ดัชนี Stoxx600 ปรับตัวลงไปทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ 11 มี.ค. จากกลุ่มนักลงทุนที่ียังสนใจต่อประเด็นความตึงเครียดของสงครามการค้าของสหรัฐฯและจีน
ดัชนี Stoxx 600 ล่าสุดปรับขึ้นได้ 0.3% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มพลังงานและก๊าซที่ปรับตัวขึ้นกว่า 1.2% ขณะที่หุ้นยูทิลิตี้ส์เปิดลบหรือร่วงลงไปกว่า 0.6%
· ขณะที่พิจารณาสถานการณ์ในยุโรป จะเห็นว่าผลสำรวจเริ่มสะท้อนว่า ผู้นำที่จะมาแทนนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตีรคนปัจจุบันหลังจากที่จะหมดวาระ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น คือ นางแอนเนเกร็ท แครมป์การันบัวร์ และอาจส่งผลให้ช่วงต่อระหว่างการรับมอบตำแหน่งอาจไม่สมูทอย่างที่หลายฝ่ายหวัง
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยืดเยื้อ ที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนที่ชะลอการลงทุนเนื่องถูกกดดันจากผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ก่อนจะปิดเพิ่มขึ้น 0.1%
ขณะที่นักลงทุนลดการถือครองหุ้น และกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล ท่ามกลางผลตอบแทนจากตราสารหนี้ของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
· ทั้งนี้ การประชุม G20 ที่กำลังจะมาถึง ในช่วงวันที่ 28-29 มิ.ย. นี้ จะช่วยให้ตลาดคลายความกังวลได้เนื่องจากสหรัฐฯและจีนสามารถใช้การประชุมครั้งนี้เพื่อเริ่มการเจรจาต่อรองทางการค้าอีกครั้ง
· ดัชนีนิกเกอิปิดปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนครึ่ง ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะตึงเครียดของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อน่าจะยาวนานจะบั่นทอนภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก ดัชนีนิกเกอิปิด -0.29% ที่ระดับ 20,942 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่กลางเดือนก.พ. โดยช่วงต้นดัชนีดิ่งลงไปกว่า 0.92% ที่ระดับ 20,809 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับต่ำสุดเดิมช่วง 14 พ.ค. ที่ไปทำต่ำสุดไว้ที่ 20,751 จุด
ด้านดัชนี Topix ปิด -0.29% ที่ 1,531.98 จุด เป็นต่ำสุดตั้งแต่ 11 ม.ค.
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามทางการค้า หลังจากที่ The People’s Daily หนังสือพิมพ์ชื่อดังของจีน แสดงคำเตือนอย่างชัดเจนว่า จีนอาจทำการระงับการส่งแร่แรร์เอิร์ธเพื่อเป็นการตอบโต้สงครามการค้าที่เกิดขึ้นกับทางสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯไม่ควรประเมินความสามารถของจีนในระดับต่ำสำหรับการหาทางป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ
โดยดัชนี Shanghai Composite ปรับลดลง 0.3% ที่ระดับ 2,905.81 จุด
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 อีกครั้งในเดือนก.ค. จากก่อนหน้านี้ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 3.8% หลังประเมินว่าการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปีจะติดลบ เนื่องจากในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.62) ติดลบไปแล้ว 1.9% จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบสงครามการค้า
· พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์ข่าวนายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยุบพรรคการเมือง ทำให้ ส.ส. 500 คนพ้นสภาพว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยมีผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างข่าวเท็จ เพื่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวที่ไม่มีที่มาที่ไป พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายเร่งชี้แจงทำความเข้าใจแก่สังคม โดยยืนยันว่าไม่มีแนวคิดเช่นนั้น เพราะนายกรัฐมนตรีเคารพกฎหมายและฟังเสียงของประชาชน ขณะนี้เป็นขั้นตอนของพรรคการเมืองจึงต้องรอความชัดเจน