ตลาดกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนที่กำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสำคัญที่ทางจิตวิทยาที่ 7 หยวน/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า จึงทำให้เกิดกระแสความกังวลว่าค่าเงินอาจอ่อนค่าหลุดระดับสำคัญได้ หากสงครามการค้าบานปลาย
ผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินหยวน
นักวิเคราะห์จาก ANZ Bank ระบุว่า ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการกล่าวหาว่า จีนจงใจควบคุมให้เงินหยวนอ่อนค่าลง เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าขายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ไม่มองเช่นนั้น
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า หากเงินหยวนอ่อนค่าลง แม้จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯได้ก็จริง แต่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดจีน และทำให้มีการโยกย้ายเงินออกจากตลาดจีนตามมา แม้ทางรัฐบาลจีนจะเข้ามาช่วยเหลือด้วยการออกนโยบายจำกัดการไหลออกของเม็ดเงินลงทุน แต่ก็ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจก็สูญเสียไปเสียแล้ว
ผลกระทบต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์จากสถาบัน PineBridge Investments ระบุว่า ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่ออกตราสารหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งจะนำไปสู่ค่าเงินนูมิภาคที่อ่อนค่าลง รวมถึงต้นทุนการผลิตและระดับหนี้สินที่สูงขึ้น
ผลกระทบต่อการผลักดันเงินหยวนให้เป็นสากล
นักวิเคราะห์จาก ANZ Bank ระบุว่า ความพยายามในการผลักดันให้เงินหยวนเป็นเงินสากลของรัฐบาลจีนอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการอ่อนค่าของเงินหยวน เนื่องจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าจะทำลายความเชื่อมั่นในตลาดจีน
ทั้งนี้ ความพยายามผลักดันดังกล่าวจะเห็นได้จากข่าวที่ว่า ดัชนี Bloomberg Barclays index และดัชนี MSCI ได้เพิ่มหุ้นจีนตัวเด่นๆลงในการคำนวนดัชนี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการเพิ่มหุ้นจีนลงใน Bloomberg Barclays index จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดจีนได้มากถึง 13 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่การเพิ่มหุ้นลงในดัชนี MSCI จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินได้หลายพันล้านเหรียญ
ที่มา: CNBC