· หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯปรับตัวลงเมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันทำการแรกของเดือนมิ.ย. จากรายงานที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีแผนจะสอบสวนบริษัทรายใหญ่ในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมที่มีการผูกขาดตลาด จึงทำให้หุ้นบริษัท Alphabet, Amazon,Facebook และ Apple ถูกกดดันอย่างหนัก และทำให้หุ้น Nasdaq ร่วงลงไปกว่า 6% ก่อนจะปิดลดลงกว่า 10% ที่ 7,333.02 จุด ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในช่วงปลายเดือนเม.ย. ด้านดัชนี S&P500 ปิด -0.3% ที่ 2,744.45 จุด และดาวโจนส์เมื่อวานนี้มีการ Breakeven ปรับขึ้นมาปิดแถว 24,819.78 จุด
· รัฐบาลสหรัฐฯกำลังเตรียมการเข้าตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Amazon, Apple, Facebook และGoogle ภายใต้ข้อสันนิษฐานว่าบริษัทเหล่านี้มีการใช้อำนาจทางการตลาดในการกดดันบริษัทคู่แข่งอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจสอบเป็นวงกว้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งนี้ ยังไม่มีสัญญาณว่าการตรวจสอบจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ แต่อาจใช้เวลาที่ค่อนข้างนานจนกว่ากระบวนการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น โดยกระบวนการตรวจสอบที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับ Google ใช้เวลาไปมากกว่า 2 ปี
หลังมีรายงานข่าวดังกล่าว หุ้นของ Facebook ร่วงลงไป 7.5%, ส่วนหุ้น Alphabet ที่เป็นเจ้าของ Google ร่วงลงไปกว่า 6% ขณะที่หุ้น Amazon ร่วงลง 4.6% และหุ้น Apple ร่วง 1%
· ตลาดหุ้นเอเชียมีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าโลก โดยธนาคารกลางออสเตรเลียจะประกาศการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เช้านี้เคลื่อนไหวทรงตัว ด้านหุ้น Fanuc เพิ่มขึ้น 1.06% ขณะที่ดัชนี Topix มีการซื้อขายทรงตัวเช่นเดียวกัน
· นักบริหารการเงิน คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.20-31.45 บาท/ดอลลาร์ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ ที่ปรับตัวลงอย่างหนักเนื่องจากตลาดมีความกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันตลาดก็เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย ทันทีที่สงครามการค้าทวีความรุนแรงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10 ปีร่วงลงแตะระดับ2.09% ต่ำสุดในรอบ20 เดือน
· อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ สอท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย วันที่ 5 มิถุนายนนี้หนึ่งในวาระสำคัญจะมีการหารือแนวโน้มเศรษฐกิจ (ศก.) ไทย โดยเฉพาะผลกระทบ ทางการเมืองที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ยิ่งใช้เวลานานยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ ที่ยังยืดเยื้อ และต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้จะติดตามความคืบหน้าการทำจัดสมุดปกขาวในนามกกร.เพื่อส่งให้รัฐบาลใหม่ ดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศให้ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือความยากง่ายในการทำธุรกิจด้วย รวมทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้คณะทำงานทั้ง 3 สถาบันอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดร่วมกัน