· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นหลังจากที่ดิ่งลงหนักในเดือนที่ผ่านมา หลังจากประธานเฟดส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปิดกว้างต่อการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อปกป้องเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับทางจีนและเม็กซิโก
ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 512.4 จุด หรือ +2.1% ที่ 25,332.18 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +2.1% ที่ 2,803.27 จุด และ Nasdaq ปิด +2.7% ที่ 7,527.12 จุด และถือเป็นการปรับขึ้นของภาพรายวันที่ดีที่สุดครั้งที่ 2 ของปีนี้
CNBC รายงานว่า การปิดแดนบวกของหุ้นสหรัฐฯ ยังมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า พรรครีพับลิกันจะทำการยับยั้งความพยายามของนายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกในการจัดประชุมวาระฉุกเฉิน
แม้ถ้อยแถลงของประธานเฟดจะระบุว่า จะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างยั่งยืน แต่เฟดก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปอย่างไรหรือเมื่อไหร่ที่ข้อขัดแย้งทางการค้าโลกนั้นจะถูกแก้ไข เฟดจึงจะจับตาปัจจัยต่างที่จะส่งผลต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
และในถ้อยแถลงดังกล่าวนั้นดูจะยิ่งเพิ่มกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ FedWatch ของทาง CME ล่าสุดชี้ว่า มีโอกาส 90% ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยเดือนก.ย. ขณะที่ครั้งที่ 2 น่าจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. โดยมีโอกาสสูงถึง 80%
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดรีบาวน์ขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกที่มีการฟื้นตัวอีกครั้ง และหุ้นกลุ่มยานยนต์ก็นำตลาดโดยปรับขึ้นไปประมาณ 3.2% ขณะที่ดัชนี Stoxx 600 ปิด +0.65% แม้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะเคลื่อนไหวแดนลบก็ตาม
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +1.63% ท่ามกลางดัชนี Topix ที่เปิด +1.54% ขณะที่ดัชนี Kospi เปิด +0.61% และดัชนี ASX200 ปิด +0.78%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้ทิศทางเงินบาทจะยังแข็งค่า โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25 - 31.45 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งกระแสคาดการณ์ของเหล่านักลงทุนที่คาดว่าเฟด มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งปัจจัยนี้มีผลให้ตลาดตอบรับค่อนข้างรุนแรง ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ คงต้องจับตาการลงมติของรัฐสภาวันนี้ ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่
ทั้งนี้ เงินบาทอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวแรงจากปัจจัยนี้มากนัก เพราะตลาดคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร
- จับตาการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่รัฐสภาฯจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ตัดสินใจไม่ส่งใครลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จะสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.62 เพิ่มขึ้น 1.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.62 ที่เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 1.23% ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวดังกล่าวเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์เตรียมปรับค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อของทั้งปีนี้ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.2% ที่เคยประเมินไว้ โดยขอรอดูเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ยังคงกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ตามเดิมที่ 0.7-1.7% ในปีนี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 50.1 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเม.ย.62 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านการผลิตและคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิตยานยนต์ และกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน โดยความเชื่อมั่นของกลุ่มที่พักแรมและร้านอาหาร รวมทั้งกลุ่มบริการทางการเงินยังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มคลังสินค้าและกิจกรรมสนับสนุนการขนส่งปรับลดลงบ้าง
· อ้างอิงจากสำนักข่าว Sanook
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปฏิเสธตอบคำถามกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ว่าจะทำตามมติพรรคหรือไม่ รวมถึงท่าทีทางการเมืองของตนเอง โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ทราบแล้วครับ" ก่อนเดินทางออกจากที่ทำการพรรคทันทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย และมีกลุ่มแฟนคลับมอบของให้กำลังใจ
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า เป็นไปได้ว่า นายอภิสิทธิ์อาจประกาศลาออกกลางที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้ หลังจากเคยแสดงท่าทีอย่างชัดเจนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นายกรัฐมนตรีต่อ เพราะถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ แต่เมื่อมติพรรคออกมาดังกล่าวถือว่าตรงข้ามกับที่เจ้าตัวประกาศจุดยืนเอาไว้ แม้ที่ประชุมเมื่อวานนายอภิสิทธิ์พยายามอภิปรายให้พรรคมีมติเป็นฝ่ายค้านอิสระในสภาผู้แทนราษฎรแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ