· หุ้นสหรัฐฯปิดแดนบวกจากกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังว่าการเจรจาของสหรัฐฯและเม็กซิโกจะเข้าใกล้แนวทางการแก้ไขปัญหากลุ่มผู้อพยพ และทำให้ผู้นำสหรัฐฯอาจจะเลื่อนเวลาการขึ้นภาษีเม็กซิโกออกไปได้
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 181.09 จุด ที่ระดับ 25,720.66 จุด และทำให้ภาพรวมตลาดมีการปิดบวกติดต่อกันกว่า 900 จุด ทำให้สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดของปี ขณะที่ S&P500 ปิด +0.61% ที่ 2,843.49 จุด และNasdaq ปิด +0.53% ที่ 7,615.55 จุด
เมื่อวานนี้มีการเจรจาต่อระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเม็กซิโก หลังจากที่ล้มเหลวในการหาข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา โดยเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงสหรัฐฯ เผยว่า การเจรจาล่าสุดค่อนข้างเป็นไปด้วยดี
· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกัน หลังจากที่มีการพัฒนาเชิงบวกเมื่อรคืนมา จากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก โดยเช้านี้ ดัชนีNikkei เพิ่มขึ้น 0.1% ด้านหุ้นของกลุ่ม Softbank Group เพิ่มขึ้น 1.24% ขณะที่ดัชนี Topix ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
· ตลาดในจีนและฮ่องกงปิดทำการในวันนี้เนื่องจากเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.20 - 31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทผันผวนปานกลาง ยังคงเคลื่อนไหวไปตาม Fund Flow เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระทบ วันนี้ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องทุกรายการ และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ
1.ความไม่มั่นใจสถานการณ์การเมืองไทยในอนาคตเป็นสำคัญ 2.ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูง 3.ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปีนี้หลังจากที่เริ่มเห็นความชัดเจนจากการมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
- ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากในช่วงต้นปี 60 จนถึงต้นปี 62 นี้ เงินบาทของไทยแข็งค่ามากสุดเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งสำคัญ เช่น จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งผู้ส่งออกยังมีความกังวลในจุดนี้และไม่ต้องการให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไปเพราะจะทำให้เสียเปรียบในเชิงการแข่งขันทางการค้า โดยผู้ประกอบการเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะมีเสถียรภาพแล้วควรจะอยู่ในระดับประมาณ 32 บาท/ดอลลาร์ หรืออ่อนค่ากว่านั้นเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวในการช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ด้วย
- เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 62 หนี้สินครัวเรือนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยพิจารณาจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 10.1% สูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ไตรมาสสองปี 57 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลจาก
1. การเร่งก่อหนี้ก่อนการบังคับ ใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (LTV) เมื่อวันที่ 1 เม.ย.62 ที่ผ่านมา
2. ความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากคุณสมบัติ
3. ของรถรุ่นใหม่ และมาตรการส่งเสริมการขายรถยนต์จากงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Show 2019)
4. การส่งเสริมการขาย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และเงื่อนไขการผ่อนชำระที่จูงใจ