· ราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 1% อ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 14 เดือน หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังไม่ทำการขึ้นภาษีสินค้าเม็กซิโกที่หนุนให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากที่อ่อนค่าไปเมื่อไม่นานนี้
· ราคาทองคำปรับลง 0.8% ที่ 1,329.10 เหรียญ หรือร่วงลงกว่า 1.2% จากที่ไปทำระดับสูงสุดที่ 1,348.08 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่เม.ย.
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิดลง 16.8 เหรียญ ที่ระดับ 1,329.3 เหรียญ
· กองทุน SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมโดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 756.42 ตัน
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการฟื้นตัวโดยทั่วกันทำให้เราเห็นการปิดสถานะบางส่วนหรือการลดสถานะในสินค้า Safe-Haven
· ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับข่าวสหรัฐฯ-เม็กซิโกอย่างสดใส โดยจะเห็นได้ตั้งแต่ดัชนี MSCI ปรับขึ้นกว่า 1% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ปิดแดนบวก ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น หลังร่วงลงไปทำต่ำสุดรอบ 2 เดือนครึ่งในวันก่อนหน้า
· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า เทรดเดอร์และนักลงทุนเริ่มเทรดอย่างสดใสจากประเด็นการค้าสหรัฐฯและเม็กซิโก ขณะที่ความคืบหน้าของกรณีสหรัฐฯและจีนยังคงต้องติดตามต่อไป โดยทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีสัญญาณใดๆว่าเข้าใกล้ข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน
· ราคาทองคำยังมีแรงหนุนเหนือระดับสำคัญทางเทคนิค เนื่องจากนักลงทุนมองว่ายังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยปีนี้
· Fed Fund Futures ขณะนี้มองโอกาสเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยครั้งแรกถูกคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ค. ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ และข้อขัดแย้งการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ดูจะส่งผลเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
· นักวิเคราะห์บางราย มองว่า Gold Futures มีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อตราบเท่าที่ Yield Curve ที่ยังเคลื่อนไหวผกผัน และภาพรวมราคาจะยังยืนเหนือ 1,320 เหรียญ และ 1,310 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ
· ราคาพลาเดียมปิด +2.5% ที่ 1,391.75 เหรียญ จากสัญญาณที่สหรัฐฯและเม็กซิโกเป็นไปเชิงบวก ทางด้านราคาแพลทินัมปิด +0.1% ที่ 807.58 เหรียญ และซิลเวอร์ปิด -1.6% ที่ระดับ 14.76 เหรียญ