· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯและเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ทางด้านยูโรอ่อนค่าลงหลังจากมีแหล่งข่าว ระบุว่า อีซีบีเปิดกว้างต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจยูโรโซนเผชิญภาวะชะลอตัว
ค่าเงินเปโซก็ตอบรับข่าวดีที่สหรัฐฯ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้และทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาการค้าไป จึงปรับแข็งค่าไปกว่า 2%
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาแถว 96.8 จุดอีกครั้ง ก่อนจะทรงตัวที่ 96.731 จุด
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากที่สุดครั้งใหม่ของปีนี้ จากถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนและข้อมูลการค้าที่ออกมาเกินคาดได้ฉุดให้เงินหยวนอ่อนค่า โดยหยวนอ่อนไปแตะ 6.9538 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากศุกร์ที่แล้วทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดที่ 6.9619 หยวน/ดอลลาร์
นายยี่ กัง ผู้ว่าการ PBoC กล่าวว่าจีนไม่ได้กำหนดระดับเงินหยวนอย่างเฉพาะเจาะจง และมั่นใจว่าเงินหยวนจะกลับมาแข็งค่าอีกครั้งเมื่อสงครามการค้าลดความร้อนแรงลง
การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนส่งผลให้ภาคส่งออกจีนมีความน่าสนใจมากขึ้น และทำให้พวกเขามีการแข่งขันทางการค้าได้ดีในตลาดระดับโลก จึงช่วยชดเชยผลกระทบจากการถูกขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของจีน
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนยังมีนโยบายทางการเงินที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจีนได้อีกมาก ถ้าหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนทำให้เศรษฐกิจจีนย่ำแย่กว่าคาด
กลุ่มนักลงทุนยังเฝ้าจับตาค่าเงินหยวนอย่างใกล้ชิด เพราะดูจะอ่อนไหวและสะท้อนถึงภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้เป็นอย่างดี โดยหลายๆฝ่ายรอลุ้นว่าเงินหยวนจะพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7 หยวน/ดอลลาร์ได้หรือไม่
· นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก DBS บ่งชี้ว่า ข้อมูลการค้าของจีนวานนี้ดูจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หยวนอ่อนค่า หลังจากที่ยอดนำเข้าออกมาแย่กว่าที่คาด แต่ยอดเกินดุลกับทางสหรัฐฯดูจะกว้างขึ้นจากเดือนเม.ย. และทำให้เราพิจารณาว่า ไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆในเอเชียก็จะได้รับผลกระทบจาก Trade War และการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดอาจไม่สามารถช่วยลดภัยคุกคามของการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนได้
· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่า จะทำการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนหาก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ไม่มีความตั้งใจในการหารือ ณ การประชุม G20 พร้อมยืนยันกับผู้สื่อข่าวของ CNBC ว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวนั้นจะมีผลในทันที
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่านายทรัมป์ จะทำการเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 3 แสนล้านเหรียญหากข้อตกลงการค้ายังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ หลังจากที่ทีมบริหารของนายทรัมป์ได้ตัดสินใจเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีน 2 แสนล้านเหรียญไปในเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงกรณี Huawei เมื่อวานนี้ ที่ดูจะขัดแย้งกับถ้อยแถลงของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และสร้างความสับสนให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในจุดยืนที่รัฐบาลสหรัฐฯมีต่อ Huawei
โดยนายมนูชินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กล่าวว่า Huawei แม้อาจจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นของสหรัฐฯ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนแต่อย่างใด และเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาลงได้ในท้ายที่สุด
ขณะที่นายทรัมป์ กล่าวว่า Huawei เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นความขัดแย้งทางการค้า
นอกจากนี้ นายทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ในท้ายที่สุด จีนจะยอมลงนามในข้อตกลงกับสหรัฐฯ “เพราะพวกเขาจำเป็นต้องทำ” เนื่องจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯทำให้บริษัทที่ลงทุนในประเทศจีนต่างถอนตัวออกมา เพราะพวกเขาไม่ต้องการได้รับผลกระทบจากภาษี และนั่นทำให้เศรษฐกิจจีนเสียหายอย่างมาก
สำหรับประเด็นค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างมาก นายทรัมป์มองว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลจีน ที่จงใจควบคุมให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าขายระหว่างประเทศ ทำให้สหรัฐฯเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแทน ซึ่งประเด็นดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้มีความเท่าเทียมกันโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์กลับมองว่า สาเหตุที่ยังดำเนินการกับปัญหาของค่าเงินไม่ได้ เป็นเพราะเฟด ที่ขัดขวางการดำเนินงานของพวกเขา ในทางกลับกัน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีอำนาจที่จะสามารถควบคุมให้ค่าเงินอ่อนค่าลง รวมถึงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการถูกขึ้นภาษี แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาไปได้ทั้งหมด
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงท่ามกลางปริมาณการซื้อขายระดับปานกลาง หลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียยังไม่ตกลงกันในเรื่องขยายเวลาการปรับลดน้ำมัน ประกอบกับสหรัฐฯและจีนที่มีความตึงเครียดทางการค้า ก็ดูจะส่งผลเชิงลบต่ออุปสงค์น้ำมัน
น้ำมันดิบ WTI ปิดลง 73 เซนต์ ที่ระดับ 53.26 เหรียญ/บาร์เรล หรือร่วงลงไปกว่า 1.4% ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.6% ที่ระดับ 62.29 เหรียญ/บาร์เรล
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า รัสเซียเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยังไม่ตัดสินใจจะเข้าร่วมขยายเวลาข้อตกลงการปรับลดการผลิต
ขณะที่ทางรัสเซียกำลังมีการตัดสินใจว่าจะลดการอนุญาตสหรัฐฯ ในการเข้าถึงตลาดหุ้นหรือไม่ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะควบคุมสภาวะอุปทานต่อหรือไม่เช่นกัน