· ราคาทองคำปรับตัวลงมาแถว 1,327.41 เหรียญ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนปิดสถานะทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณ 1,348.08 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดรอบ 14 เดือน สำหรับสัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิดปรับขึ้น 0.1% ที่ 1,328.5 เหรียญ ขณะที่ความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ดูจะสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ดี กระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ดูจะสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ และเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนราคาทองคำ
· ประเด็นที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีเม็กซิโกที่คลายความกังวลลงไป ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะลดท่าทีคุกคามการขึ้นภาษีจีนด้วย โดยนายทรัมป์คาดว่าจะเจอกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุม G20 วันที่ 28-29 มิ.ย. นี้
· กองทุนทองคำ SPDR ทำการเทขายทองคำออก 0.24 ตันวานนี้ ปัจจุบันถือครองที่ 756.18 ตัน
· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า นักลงทุนกำลังคิดว่าจะเห็นการแก้ปัญหาบางส่วนในเรื่องการค้าของสหรัฐฯ-จีน ช่วงปลายเดือนนี้ จึงทำให้ทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งถูกเทขายทำกำไรลงไป
· รายงานจาก CNBC ระบุถึงข้อขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีนดูจะยิ่งสร้างความกังวลให้แก่เศรษฐกิจโลก และทำให้บรรดาธนาคารกลางต่างๆเลือกที่จะคงดอกเบี้ย
· นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การที่เฟดมีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยดูจะทำให้ดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง ซึ่งหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น
· กลุ่มนักทุน มองว่า มีโอกาสเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีนี้ โดยน่าจะทำการปรับลดจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%
· ตลาดการเงินกำลังรอคอยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อตัวหนึ่งของเฟดอย่างใกล้ชิดในคืนนี้ ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีกที่จะมาในคืนวันศุกร์ ที่จะเป็นตัวสะท้อนว่าสงครามการค้าส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงหรือไม่
· หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Cabot Wealth Management ระบุว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดทองคำ และไม่คิดว่าจะมีปัจจัยใดทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้กว่านี้ จึงคิดว่าราคาน่าจะกลับมาเคลื่อนตัวในกรอบ
· ราคาซิลเวอร์ปิด +0.6% ที่ 14.75 เหรียญ ด้านราคาแพลทินัมปิดขึ้นเกือบ 1% ที่ 809.5 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.9% ทำระดับปิดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ บริเวณ 1,395.1 เหรียญ