ราคาทองคำปรับลดลง 0.2% แถว 1,337.31 เหรียญ โดยราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบปีที่ 1,358.04 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 11 เม.ย. ปี 2018
ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับตัวลดลง 0.2% แถว 1,341.70 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Phillip Futures แสดงความเห็นว่า ราคาทองคำทรงตัวในกรอบ ท่ามกลางตลาดที่กำลังจับตาการประชุมเฟด โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ จึงหนุนให้ราคาปรับสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยจริง จะส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ย อาจช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง จึงอาจกดดันราคาทองคำได้
· เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group คาดโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18-19 มิ.ย. นี้ ไว้ที่ 21.7% ลดลดจากเดิมเมื่อวันศุกร์ก่อนการประกาศยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่ 28.3% ส่วนโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. มีอยู่สูงถึง 85%
· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากการประกาศยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ออกมาค่อนข้างสดใส โดยยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. แม้จะออกมาขยายตัวได้ แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ยอดค้าปลีกของเดือน เม.ย. ได้ปรับแก้ใหม่เป็นขยายตัวมากขึ้น จึงผ่อนคลายความกังวลของตลาดที่มีต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจไปได้บางส่วน
ขณะที่สำนักตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ จะเปิดรับความคิดเห็นจากบรรดาผู้ประกอบการในสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนขึ้นภาษีจีนเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ เป็นระยะเวลา 7 วัน โดยเริ่มต้นภายในวันจันทร์นี้
· นักกลยุทธ์จากสถาบัน CMC Markets มีมุมมองว่า ภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ หากมีสัญญาณว่าสงครามการค้าจะยืดเยื้อหรือขยายตัวรุนแรงขึ้น จะทำให้ความต้องการในทองคำเพิ่มสูงขึ้นตามมา
· กองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำในวันศุกร์ที่ผ่านมาอีก 0.6% สู่ระดับ 764.10 ตัน จากเดิม 759.70 ตันในวันพฤหัสบดี
· รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักบริหารเงิน ต่างเพิ่มการถือครองสถานะ Long ในทองคำ Comex เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ส่วนลดราคาทองคำแท่งและรูปพรรณในอินเดียขยายวงกว้างสู่ระดับมากที่สุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น กดดันปริมาณการเข้าซื้อทองคำ ขณะที่ทองคำจากจีนและสิงคโปร์มีปริมาณอุปสงค์ที่สูงขึ้นจากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
GOLD TECHNICAL ANALYSIS
· ราคาทองคำก่อตัวเป็นลักษณะ Shooting Star บนกราฟแท่งเทียน หลังปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญไปเมื่อวันศุกร์ บ่งชี้ถึงทิศทางขาขึ้นที่อ่อนกำลัง ประกอบกับสัญญาณ RSI ที่เคลื่อนไหวแดนลบ จึงมีมุมมองว่า ราคาอาจกำลังทำจุด Top และหากปิดตลาดวันนี้ต่ำกว่าระดับ 1,323.40 - 1,326.30 เหรียญ ราคาจะมีโอกาสย่อตัวลงไปถึงบริเวณ 1,303.70 – 1,309.12 เหรียญ ในทางกลับกัน หากราคาทองคำฟื้นตัวเหนือระดับ 1,346.75เหรียญ จะโอกาสขึ้นต่อไปถึงระดับ 1,357.50 – 1,366.06 เหรียญ
· หัวหน้าฝ่ายเทรดดิ้งจากสถาบัน MKS มีมุมมองว่า ประเด็นความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ รวมถึงการขึ้นภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และในการประชุมสัปดาห์นี้ ตลาดมีมุมมองเอนไปทางที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย จึงคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในสัปดาห์นี้
· บรรณาธิการจาก Eureka Miner’s Report มีความคิดเห็นว่า ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven จึงมองว่าราคามีโอกาสกลับขึ้นไปแถวระดับ 1,360 เหรียญได้อีกครั้งภายในสัปดาห์นี้
· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Price Futures Group มองว่า ราคาทองคำเป็นทิศทางขาขึ้นโดยสมบูรณ์ ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางการเมือง และทิศทางของเศรษฐกิจเองที่ไม่ค่อยสดใสนัก ทองคำจึงถูกเข้าซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยง
· สำนักพิมพ์ VR Metals/Resource Letter มีมุมมองว่า ราคาทองคำได้ทำระดับต่ำสุดในรอบฤดูกาลไปแล้ว จึงมองว่าราคามีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,370 เหรียญในเร็วๆนี้
· ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.2% แถว 14.84 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.3% แถว 800.83 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.1% แถว 1,463.15 เหรียญ