· ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่รอการประชุมของเฟด โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.573 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 97.603 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยแถว 1.122ดอลลาร์/ยูโร โดยตลาดยุโรปจับตาถ้อยแถลงประธานอีซีบีในวันนี้ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซน
ตลาดการเงินส่วนใหญ่ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะเปิดสถานะใหญ่ๆก่อนหน้าการประชุมเฟด รวมถึงธนาคารกลางโปรตุเกสและธนาคารกลางอังกฤษที่จะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้
เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group คาดโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 มิ.ย. นี้ ลดลงมาที่ 20.8% ส่วนโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. คาดการณ์ไว้ที่ 67.9%
ค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงเล็กน้อยแถว 1.254 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ท่ามกลางความกังวลว่า นายบอริส จอห์นสัน ผู้มีโอกาสจะได้รับเลือกมาแทนที่นางเทเรซ่า เมย์ นากยรัฐมนตรีอังกฤษ มากที่สุด อาจผลักดัน Berxit ไปในเชิง No-deal
· การประชุมเฟดสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มสูงที่เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% - 2.50% แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากประธานาธิบดีสหรัฐฯให้ปรับลดดอกเบี้ยก็ตาม แต่เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มวางรากฐานสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะมีการอัพเดต Dot plot ที่จะแสดงให้เห็นว่ามี สมาชิกเฟดจำนวนมากขึ้นที่เปิดกว้างต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนต่อๆไป แต่ไม่น่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยที่รวดเร็วมาก ตามที่ประธาธิบดีสหรัฐฯคาดหวังแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เฟดน่าจะยกเลิกท่าที “อดทน” ต่อการปรับดอกเบี้ยภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
· ในช่วงวันหยุดยาวปีนี้ ประชาชนสหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะรัดเข็มขัด หากรัฐบาลเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกลุ่มที่เหลืออีก 25% เป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ เพราะการขึ้นภาษีครั้งนี้ จะรวมไปยังสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี เครื่องเกม ของเล่น เครื่องประดับ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรง แตกต่างกับการขึ้นภาษีจีนครั้งก่อนๆที่เพ่งเล็งไปยังสินค้าในภาคอุตสาหกกรม
· นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความพร้อมและยินดีที่จะดำเนินการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน สำหรับกลุ่มสินค้าที่เหลือเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ
ทั้งนี้ นายรอสมีมุมมองว่า ในท้ายที่สุดสหรัฐฯจะสามารถหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกับจีนได้ แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯก็พร้อมที่จะขึ้นภาษีจีนตามที่เคยประกาศไว้
สำหรับการประชุม G20 ที่จะถึงนี้ นายรอสมองว่ามีโอกาสต่ำที่สหรัฐฯจะประสบความสำเร็จในการเจรจาหาข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่เชื่อว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นในการเจรจาครั้งต่อๆไปที่ไม่ใช่ G20
นอกจากนี้ กรณีการขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มรถยนต์ นายรอสระบุว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะประกาศขึ้นภาษีเพื่อกดดันให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์หันมาผลิตในแผ่นดินสหรัฐฯแทน และนายทรัมป์ก็กำลัง “พิจารณาอย่างจริงจัง” ที่จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งหมด โดยเฉพาะจากสหภาพยุโรป
· ผู้ประกอบการในสหรัฐฯส่วนหนึ่ง เขียนเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ หลังรัฐบาลเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการต่อการเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญเมื่อวานนี้
โดยผู้ประกอบส่วนใหญ่ต่างร้องเรียนว่า พวกเขามีตัวเลือกเพียงน้อยนิดสำหรับการนำเข้าวัตถุดิบจากแหล่งผลิตอื่นๆนอกเหนือจีน และการนำเข้าจากแหล่งผลิตอื่นๆจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามมา ซึ่งอาจสูงกว่าการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ถูกขึ้นภาษี 25% เสียอีก
· กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตรียมส่งกำลังทหารเพิ่มเติมไปยังพื้นที่ตะวันออกกลางอีก 1,000 นาย ท่ามกลางสัญญาณความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านที่ขยายตัว ตามหลังเหตุการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันที่ต้องสงสัยว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่ได้ระบุว่าการส่งกำลังพลไปเพิ่มจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
· ราคาน้ำมันปรับร่วงลงกว่า 1% เมื่อวานนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจประกาศออกมาอ่อนแอ จึงกดดันความกังวลว่าปริมาณอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกอาจอ่อนแอลงไปยิ่งกว่านี้
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -1.73% ที่ระดับ 60.94 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -1.10% ที่ระดับ 51.93 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้ปรับลดลงมากว่า 20% จากระดับสูงสุดของปี 2019 เมื่อเดือน เม.ย. โดยแรงกดดันส่วนใหญ่มาจากความกังวลที่ต่อสงครามการค้าและความอ่อนแอของตัวเลขทางเศรษฐกิจ