· ตลาดหุ้นสหรัฐฯค่อนข้างปิดทรงตัวเมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มปรับพอร์ตรอดูการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในการประชุม G20 สัปดาห์นี้ โดยดัชนี Dow Jonesปิดปรับขึ้นเพียง 8.41 จุด ที่ระดับ 26,727.54 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -0.2% ที่ 2,945.35 จุด และ Nasdaq ปิด -0.3% ที่ 8,005.7 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ยังคงจับตาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน หลังจากที่สหรัฐฯเตรียมการใช้มาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.3% ท่ามกลางกลุ่มยานยนต์ที่ปรับตัวลง 1.2% หลังบริษัท Daimler ประกาศเตือนเรื่องผลประกอบการ
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาการเจรจา G20 ซึ่งน่าจะเห็นการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.16% ในเช้านี้ ทางด้าน Kospi เปิดทรงตัว และ ASX200 เปิด -0.16% เช่นกัน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้จะอยู่ระหว่าง 30.55-30.75 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทคงเคลื่อนไหวไปตามแรงซื้อแรงขาย ช่วงนี้ตลาดให้ความสนใจไปยังเรื่องที่เฟดน่าจะลดอกเบี้ยในเดือนหน้า
รวมทั้งติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ขณะที่ ธปท.กล่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามธุรกรรมที่มุ่งใช้ไทยเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการไม่พึงประสงค์
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (BAY) ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือ 3.2% จากเดิมคาด 3.8% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ผ่านมาชะลอตัวกว่าคาด ประกอบกับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่ชัดเจนและรุนแรงขึ้นตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้คาดว่าจะกลับมาหดตัวที่ -1.5% จากเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 40.2 ล้านคน ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 41.1 ล้านคน
- ธนาคารกรุงไทย (KTB) เตรียมออกตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนประเภทที่ 2 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2562 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2572 อายุ 10 ปี วงเงินไม่เกิน 24,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน โดยธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดได้หลังจาก 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสาร หรือตามที่เงื่อนไขกำหนด
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป. ลาว ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือในการกำกับดูแลสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจอยู่ในทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลสถาบันการเงินสากล