· ราคาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของดอลลาร์และถ้อยแถลงสมาชิกเฟด โดยทองคำปรับลงมาปิด +0.3% ที่ 1,423.26 เหรียญ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 6 ปีที่ 1,438.63 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่พ.ค. ปี 2013 และทำให้ภาพรวมสัปดาห์นี้ของทองคำยังคงเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่อง 6 สัปดาห์
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยปิดที่ 1,418.7 เหรียญ
· หลังจากที่วันจันทร์ SPDR เข้าซื้อเพิ่มอีก 0.37% เมื่อวานนี้ก็กลับมาขายอีกครั้ง โดยกองทุน SPDR ขายออก 2.35 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 799.61 ตัน ขณะที่ภาพรวมเดือนนี้มีการเข้าซื้อทองคำมากที่สุดของปีที่ 56.4 ตัน และเข้าซื้อมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016
· ถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟดดูจะลดความคาดหวังของบรรดานักลงทุนเกี่ยวกับการที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.5%ในการประชุมเดือนหน้า โดยเมื่อคืนนี้ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่า องค์กรของตนจะไม่ถูกแรงกดดันทางการเมืองในระยะสั้น และเฟดมีความเป็นเอกภาพในการตัดสินใจ และรัฐสภาสหรัฐฯมีการเลือกแล้วที่จะให้เฟดมีฉนวนป้องกันแรงกดดันทางการเมือง พร้อมกันนี้ เขาระบุว่า จะทำหน้าที่ตามวาระจนครบ 4 ปี ดังที่กฎหมายมีข้อชัดเจนในเรื่องนี้
· นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เมื่อคืนนี้ ระบุว่า เขาไม่คิดว่าเฟดจำเป็นที่จะลดดอกเบี้ยลงไป 0.5% ในการประชุมเดือนหน้า
· นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO Futures ระบุว่า การปรับตัวขึ้นโดยส่วนใหญ่ของทองคำมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดน่าจะทำการปรับลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนหน้า แต่การที่นายบุลลาร์ด และนายโพเวลล์ ออกมากล่าวในเชิงไม่เป็นไปตามที่ตลาดและนายทรัมป์คาดหวัง ก็อาจเห็นราคาอ่อนตัวลงมาได้ก่อนจนกว่าจะเข้าสู่การประชุม G20
· ทางด้านตลาดก็ยังเฝ้าจับตาประเด็นความตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่านด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven นั้นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางตลาดที่รอสัญญาณจากการเจรจาการค้าในการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนในการประชุม G20 สัปดาห์นี้
· กรรมการผู้จัดการจาก RBC Wealth Management กล่าวว่า นักลงทุนมีการเข้าซื้อทองในขณะที่มีความรู้สึกว่าจะเห็นความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากความตึงเครียดตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน และการที่ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายมีการคาดหวัง
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจในทองคำ และบรรดานักวิเคราะห์ก็มีมุมมองว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ หลังจากที่เมื่อวานนี้ สัญญาทองคำหรือ Gold Futures ไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,442.9 เหรียญ ซึ่งใกล้กับระดับสูงสุดเดิมตั้งแต่พ.ค. ปี 2013 ที่ 1,444.9 เหรียญ และแม้จะเห็นสัญญาทองคำอ่อนตัวมาแถว 1,418.7 เหรียญ แต่ภาพรวมเดือนนี้ก็ปรับขึ้นได้แล้วกว่า 9% ซึ่งถือเป็นเดือนที่มีการปรับตัวขึ้นได้อย่างดีที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. ปี 2016 ที่ปรับขึ้นในเดือนดังกล่าวไปกว่า 10.57%
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Credit Suisse ระบุว่า ภาพรวมของทองคำมีการปรับตัวขึ้นทำ High รอบกว่า 6 ปี จึงทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่าอาจเห็นทองคำปรับขึ้นต่อไปทดสอบ 1,921 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ ท่ามกลางเฟดที่มีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น และดอลลาร์มีการทำระดับต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ในวันจันทร์ที่ผ่านมา และสัญญาณทางเทคนิคของดอลลาร์ก็ดูจะบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนตัว โดยดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแถวแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ซึ่งเป็นระดับสำคัญของภาวะขาลง ดังนั้น มีโอกาสจะหนุนให้ทองคำปรับขึ้นต่อได้
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Morgan Stanley’s กล่าวว่า ทองคำถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อันดับ 1 ที่น่าลงทุน จากค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน และอาจทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2019 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 ทิศทางทองดูจะสดใสต่อเนื่อง
· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 10% ในไตรมาสที่ 2 นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นระดับรายไตรมาสที่มากที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2016 ที่สามารถปรับขึ้นได้ 16.54%
· ราคาแพลทินัมปิด -0.71% ที่ระดับ 804.25 เหรียญ ขณะที่ซิลเวอร์ปิด -0.5% ที่ 15.36 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด -0.5% ที่ 1,527.01 เหรียญ หลังพุ่งไปทำสูงสุดตั้งแต่ 26 มี.ค.ในช่วงต้นตลาดบริเวณ 1,551 เหรียญ