ตลาดการเงินกำลังเผชิญภาวะที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ช่งชี้ว่าตลาดหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
สถาบัน Bespoke Investment Group ระบุว่า ทั้งดัชนี S&P 500 และพันธบัตรระยะยาวต่างเปิดตลาดปีนี้สูงขึ้นกว่า 5% นับเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่ปี 1980 ที่หุ้นและพันธบัตรต่างเปิดตลาดรายปีได้อย่างแข็งแกร่ง และประวัติศาสตร์ก็บ่งชี้ว่า ทุกครั้งที่ดัชนี S&P 500 และพันธบัตรเปิดในแดนบวกได้แข็งแกร่งเช่นนี้ ภาพรวมเฉลี่ยรายปีของ S&P 500 จะปรับขึ้นได้ถึง 11.3%
การปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นพร้อมๆกับราคาพันธบัตรที่สูงขึ้น – ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลง เป็นสิ่งที่แปลก เพราะว่า พันธบัตรถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับกรณีที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นมักจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าในภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างราบรื่น
กระแสคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย
แต่สำหรับปีนี้ ตลาดให้ความสนใจไปยังแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย บรรดานักลงทุนจึงพากันนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนกันทั้งในหุ้นและพันธบัตร โดยคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์จากสถาบัน The Leuthold Group ระบุว่า ราคาพันธบัตรสามารถปรับสูงขึ้นได้ตลอดทั้งปี ขณะที่ตลาดหุ้นก็มีมุมมองในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต เทียบกับตลาดพันธบัตรที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเท่าไหร่นัก จึงเป็นเรื่องยาก ที่จะตอบได้ว่าตลาดไหนเป็นฝ่ายถูก แต่สำหรับตลาดหุ้น ยังมีมุมมองที่เชื่อว่า ”ถ้าตลาดไม่พังทลายไปเสียก่อน ตลาดจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม “
สงครามการค้า ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจมีส่วนในการปรับฐานของทั้งสองตลาด โดยตลาดหุ้นยังมีความหวังว่า สหรัฐฯ-จีนจะสามารถหาข้อตกลงการค้าได้ในท้ายที่สุด ขณะที่การเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรสะท้อนถึงผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจที่มาจากการขึ้นภาษี รวมถึงโอกาสที่ข้อตกลงอาจเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดหวัง
ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด และข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เฟดมีโอกาสที่จะยกเลิกแนวทางปรับลดดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ก่อนการประชุมในวันที่ 10 ก.ค.
ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง และก็ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ในระยะสั้นๆด้วยการปรับลดดอกเบี้ย แต่ถ้าเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปในทิศทางชะลอตัว ราคาพันธบัตรก็จะปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดหุ้นปรับร่วงลงมา
ที่มา : CNBC