• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2562

    3 กรกฎาคม 2562 | Economic News




· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงนหุนจากการสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเริ่มผ่อนคลายลงไป ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาข่มขู่ยุโรปด้วยการขึ้นภาษีอีกครั้ง


โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.21% แถว 96.709 จุด เคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 95.84 จุด ซึ่งลงไปเมื่อสัปดาห์ก่อนท่ามกลางตลาดที่มีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีนี้


ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนอ่อนค่า 0.5% แถว 107.88 เยน/ดอลลาร์




· ตลาดจะจับตาไปยังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่ม 160,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย. เทียบกับเดือน พ.ค. ที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่ง




· มาตรวัดกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกของ JPMorgan ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี และเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็น 2 เดือน ขณะที่ผลสำรวจของ Morgan Stanley พบว่า ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016



· ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะย่อตัวลงมาทรงตัวแถว 1.1290 ดอลลาร์ยูโร หลังมีสัญญาณจากอีซีบีว่า ไม่เร่งรีบที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. แต่ตลาดยังคงมีกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีจะปรับดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. เนื่องด้วยการรปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์




· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับลดลงหลุดระดับ 2% อีกครั้ง โดยปรับลดลง 0.06% ลงมาที่ระดับ 1.977% ท่ามกลางกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย


โดยก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้นกว่า 2% ได้หลังจากที่สหรัฐฯสามารถเจรจาสงบศึกการค้าลงได้เป็นการชั่วคราว

ทางด้านอัตราผลตอบพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับลดลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -0.367%



· สำนักตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปเป็นมูลค่าอีก 4 พันล้านเหรียญ ซึ่งครอบคลุมไปยังสินค้ากลุ่มผลิตภันฑ์จากมะกอก อิตาเลียนชีส และสก็อตวิสกี้ โดยจะเพิ่มเติมไปยังกลุ่มสินค้าที่เคยข่มขู่ขึ้นภาษีเป็นมูลค่า 2.1 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา


การออกมาข่มขู่ขึ้นภาษีครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรป ต่อกรณีที่สหรัฐฯกล่าวหาว่า ยุโรปมีการอัดฉีดเงินให้กับบริษัท Airbus ที่เป็นผู้ผลิตอากาศยานในยุโรป จึงสร้างความเสียเปรียบทางการค้าให้กับ Boeing ผู้ผลิตอากาศยานสหรัฐฯ แต่ทางยุโรปก็ได้ฟ้องร้องกับ WTO ว่าสหรัฐฯก็อัดฉีดเงินให้กับ Boeing เช่นกัน จึงการเป็นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมายาวนานกว่า 15 ปี



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า กำลังพิจารณาเสนอชื่อ นายคริสโตเฟอร์ วอลล์เลอร์ รองประธานเฟดสาขาเซนหลุยส์ และนางจูดี้ เชลตัน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างแคมเปญเลือกตั้งปี 2016 ให้ทั้งคู่เข้ารับตำแหร่งคณะกรรมการในบอร์ดบริหารของเฟด


ขณะที่ตลาดมีกระแสคาดการณ์ว่า นางเชลตันมีโอกาสได้รับเลือกดำรงตำแหน่งมากกว่า ซึ่งเธอได้เคยกล่าวไว้ว่า จะเสนอให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ภายในระยะเวลา 1 - 2 ปี




· คณะกรรมประจำสหภาพยุโรป เสนอชื่อนางคริสทีน ลาร์การ์ด ประธานเฟด IMF ให้ดำรงตำแหน่งประธาน ECB ต่อจากนายมาริโอ ดรากี้ ประธาน ECB คนปัจจุบันที่จะหมดวาระลงในเดือน ต.ค.

นักวิเคราะห์จากสถาบัน Evercore ISI เชื่อว่า นางลาร์การ์ดจะเอนเอียงในทางนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ยังคาดว่าในช่วงเดือน ก.ย. น่าจะมีสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหญ่จากนายดรากี้ โดยอาจเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.10 – 0.15% และการเข้าซื้อพันธบัตรเป็นมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านยูโร



· ราคาน้ำมันปิดลดลงมากกว่า 3% ท่ามกลางสัญญาณความอ่อนแอของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่ากลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะมีมติขยายระยะเวลาของมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจะถึงเดือน มี.ค. ปี 2020 ในผลการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม


โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด -4.01% ที่ระดับ 62.45 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด -4.8% ที่ระดับ 56.25 เหรียญ/บาร์เรล หลังทำระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 




บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com