ในรายงานล่าสุดจาก FXTM ระบุว่า หลังจากที่เห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำก็น่าจะปรับขึ้นต่อได้ในไตรมาสที่ 3 กว่า 5% โดยมีองค์ประกอบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ดูจะเป็นปัจจัยที่ดีสำหรับราคาทองคำ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ หรือเรียกได้ว่า ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะ Safe-Haven เช่นเดียวกับค่าเงินเยน
ซึ่งหากบรรดาธนาคารกลางสำคัญๆ เริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในช่วงครึ่งปีหลัง ทองคำก็จะยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ด้านข้อมูลทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ออกมาอ่อนแอสะท้อนถึงภาวะขาลงของเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงปีผ่านมา จึงเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้บรรดาธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็น อีซีบี,เฟด และธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินและเพิ่มแรงกระตุ้นทางเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ
ราคาทองคำมีโอกาสไปแตะระดับ 1,500 เหรียญได้ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 1,360 เหรียญได้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำก็จะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 1,430 เหรียญและ 1,500 เหรียญตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2013 ที่ผ่านมา
การเติบโตทั่วโลกที่ชะลอตัวลงอาจจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงที่ระดับ 2.6% รวมทั้งไปกดดันตลาดการเงิน
และหากดัชนีภาคการผลิต (PMI) ออกมาน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป จีนและสหรัฐฯ ก็จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปรับลดลงไปต่ำกว่าระดับ 2%
แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงทางการค้า แต่ทาง FXTM ได้กล่าวเตือนโอกาสที่จะสร้างความเสี่ยงต่อทิศทางเชิงบวกต่อราคาทองคำ ประกอบไปด้วย ความตึงเครียดทางการค้าคลี่คลาย, การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และการที่เฟดไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หากราคาทองคำหลุดต่ำกว่า 1,360 เหรียญ ก็จะสร้างความผันผวนและให้ราคากลับลงไปแตะ 1,324 และ 1,300 เหรียญตามลำดับอีกครั้ง และภาวะขาขึ้นของทองคำจะจบลงเมื่อราคาหลุด 1,300 เหรียญ
ที่มา: Kitco