· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอคอยคืนนี้ คือ Non-Farm Payrolls ซึ่งหากข้อมูลออกมาแย่กว่าที่คาดมีโอกาสยืนยันว่าเฟดน่าจะทำการปรับลดดอกเบี้ยและจะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ
· ตลาดจับตาไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในคืนนี้ที่จะประกาศในช่วงเวลา 19.30น. โดยคาดว่าจะออกมาที่ 160,000 ตำแหน่งโดยประมาณ
· ขณะที่เฟดจะมีการประชุม 30-31 ก.ค. ที่ถูกคาดการณ์กันเป็นวงกว้างว่าจะเห็นเฟดเดินหน้าลดดอกเบ่ี้ย 0.25% ซึ่งเฟดก็ไม่ใช่ธนาคารกลางเพียงแห่งเดียวที่จะเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงิน เพราะธนาคารกลางออสเตรเลียก็มีการหั่นดอกเบี้ยลง 0.50% ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และมีโอกาสเห็นการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางประมาณ 3 แห่งในปีนี้
· นักวิเคราะห์จาก Vanguard Markets กล่าวว่า ราคาทองคำรอดูการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานดังกล่าวในคืนนี้ ซึ่งหากไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก ก็มีโอกาสเร่งให้เฟดเดินหน้าผ่อนคลายางการเงินต่อ
· ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 12% หรือกว่า 150 เหรียญ ตั้งแต่ที่ขึ้นไปทำต่ำสุดของปีที่ 1,265.85 เหรียญเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อันได้รับอานิสงส์หลักจากการที่ธนาคากลางรายใหญ่ที่จะเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงิน และความตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯและอิหร่าน
· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวและเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากที่ตลาดปิดทำการเมื่อวานนี้ในวันชาติสหรัฐฯ (Independence Day)
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากรอยเตอร์ส มองว่า ในทางเทคนิคราคาทองคำมีโอกาสกลับทดสอบแนวต้าน 1,435 เหรียญ และหาก Break ได้มีโอกาสกลับสู่กรอบ 1,443 - 1,456 เหรียญ
· ในรายงานล่าสุดจาก FXTM ระบุว่า หลังจากที่เห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำก็น่าจะปรับขึ้นต่อได้ในไตรมาสที่ 3 กว่า 5% โดยมีองค์ประกอบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ดูจะเป็นปัจจัยที่ดีสำหรับราคาทองคำ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ หรือเรียกได้ว่า ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะ Safe-Haven เช่นเดียวกับค่าเงินเยน
ราคาทองคำมีโอกาสไปแตะระดับ 1,500 เหรียญได้ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 1,360 เหรียญได้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำก็จะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 1,430 เหรียญและ 1,500 เหรียญตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2013 ที่ผ่านมา
การเติบโตทั่วโลกที่ชะลอตัวลงอาจจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงที่ระดับ 2.6% รวมทั้งไปกดดันตลาดการเงิน
และหากดัชนีภาคการผลิต (PMI) ออกมาน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป จีนและสหรัฐฯ ก็จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปรับลดลงไปต่ำกว่าระดับ 2%
แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงทางการค้า แต่ทาง FXTM ได้กล่าวเตือนโอกาสที่จะสร้างความเสี่ยงต่อทิศทางเชิงบวกต่อราคาทองคำ ประกอบไปด้วย ความตึงเครียดทางการค้าคลี่คลาย, การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และการที่เฟดไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หากราคาทองคำหลุดต่ำกว่า 1,360 เหรียญ ก็จะสร้างความผันผวนและให้ราคากลับลงไปแตะ 1,324 และ 1,300 เหรียญตามลำดับอีกครั้ง และภาวะขาขึ้นของทองคำจะจบลงเมื่อราคาหลุด 1,300 เหรียญ
· FXStreet มองว่า ราคาทองคำดูจะยังไม่มีโอกาสหรือจังหวะใดๆเพิ่มมากขึ้นท่ามกลาสภาวะการซื้อขายทองคำในตลาดที่เบาบาง ขณะที่ภาพรวมสินค้าโภคภัณฑ์ก็มีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแถวระดับ 1,439 เหรียญ ขณะที่สัปดาห์นี้มีการกลับตัวลงมาสะสมพลังบริเวณ 1,415 เหรียญ หรืออ่อนตัวลงเมื่อวานนี้ประมาณ 0.25%
แม้ว่าราคาทองคำจะเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแรงกดดัน และมีการรีบาวน์ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯก็ตาม แต่ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจก็ดูจะส่งผลให้ตลาดมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น โดยสังเกตได้จากถ้อยแถลงของธนาคารกลางอีซีบี และเฟดที่ดูจะมีแนวโน้มใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ขณะที่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ก็ส่งสัญญาณถึงท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษก็ปรับตัวลง และเยอรมนีล่าสุดผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับลงไปแล้วกว่า 5% ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีที่อยู่ที่ระดับ -0.4% เป็นครั้งแรก จึงส่งสัญญาณให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และน่าจะทำให้บรรดาธนาคารกลางต่างๆยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินด้วย
ในวันนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลสหรัฐฯ และนี่ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดจับตาใกล้ชิด เพราะหากข้อมูลแข็งแกร่งก็อาจทำให้เฟดตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ในสิ้นเดือนนี้ และนั่นก็อาจหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าตามมาได้
· ราคาซิลเวอร์ -0.1% ที่ 15.27 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัม +0.3% ที่ 835.15 เหรียญ และราคาพลาเดียมทรงตัวที่ 1,561.2 เหรียญ