MTS Help Center

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลดลงเมื่อวานนี้หลังหุ้นแอปเปิ้ลดิ่งลงกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนรอถ้อยแถลงประธานเฟดในวันพุธนี้ หลังทราบผลการประกาศข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางตลาดที่เกิดคำถามเกี่ยวกับการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนนี้

ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.4% หรือปรับลง 115.98 จุด ที่ระดับ 26,806.14 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด -0.5% ที่ 2,975.95 จุด และ Nasdaq ปิด -0.8% ที่ระดับ 8,098.38 จุด

· หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก First Franklin Financial Services กล่าวกับ CNBC โดยระบุว่า ปัจจัยสำคัญต่อตลาดในเวลานี้คือถ้อยแถลงของประธานเฟด แม้ตลาดจะมองว่าเฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนนี้ แต่อันที่จริงแล้วเฟดยังไม่ได้สรุปว่าจะเดินหน้าหรือปรับลดด้วยอัตราใด และคาดว่าในสัปดาห์นี้ ประธานเฟดน่าจะมีการส่งสัญญาณต่อตลาดว่าสิ่งที่ตลาดเชื่อมีความแตกต่างหรือเป็นไปตามที่เขามองโอกาสไว้

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกในเช้านี้ แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดแดนลบเมื่อวานก็ตาม โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.55% ทางด้าน ASX200 เปิดทรงตัว และ Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.47%

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนกำลังจับตาไปยังถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณต่อการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของเฟด

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70 - 30.85 บาท/ดอลลาร์ และเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าได้อีก

-ธนาคารโลก (World Bank) เปิดตัวรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุด โดยระบุว่า ช่วงต้นปี 2562 เศรษฐกิจไทยเริ่มเติบโตช้าลงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอการเติบโตลงมาอยู่ที่ 3.5% จากปีก่อนที่เติบโต 4.1% ขณะที่คาดว่าปีนี้การส่งออกจะเติบโตได้ 2.2% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.1% พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 และ 2564 ว่าจะเติบโตได้ 3.6% และ 3.7% ตามลำดับ

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.90 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนให้ความสนใจกับการแถลงนโยบายของประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้, บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานออกมาสดใสเกินคาด บ่งชี้ว่ามีโอกาสน้อยที่เฟดจะลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ในการประชุมสิ้นเดือนนี้

- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2562 มีค่าเท่ากับ 42.2 จุด (ต่ำกว่าค่ากลางดัชนีที่ 50.0 จุด) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 50.4 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการฯ ที่ลดลงจากความไม่มั่นใจต่อทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทยในปัจจุบัน ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ยังรอความชัดเจนในเชิงนโยบาย ที่จะมีผลธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมจากรัฐบาลชุดใหม่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ