· ราคาทองคำปรับตัวลดลง ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่ทรงตั
วใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากกระแสคาดการณ์ที่ลดลงเกี่
ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ตลาดหุ้นที่เคลื่
อนไหวแดนลบช่วยหนุนไม่ให้
ราคาทองคำปรับลดลงไปมากกว่านี้
ราคาทองคำปรับลง 0.1% แถว 1,393.95 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.2% แถว 1,396.50 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Phillip Futures ระบุว่า การปรับลดลงของราคาทองคำเกิดจาก กระแสคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่ลดลงไป รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยตลาดเคยคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% แต่กระแสคาดการณ์นั้นเริ่มเบาบางลงไป ค่าเงินดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้นได้
· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ Yield curve ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเริ่มกลับเคลื่อนไหวแบบแบนราบมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนลดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้ลงไป
· เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group คาดโอกาส 80.1% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% และ 19.9% สำหรับโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.50% ล่าสุดในสัปดาห์นี้โอกาสดังกล่าวขยับมาเป็น 98% และ 2% ตามลำดับ
· นอกจากนี้ ข้อมูลจากเฟดสาขานิวยอร์กยังแสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้บริโภคมีกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เกี่ยวกับโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะขยายตัว จึงทำให้กระแสคาดการณ์เฟดปรับลดดอกเบี้ยจึงยิ่งถูกกดดันลงมาอีก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง จึงแป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำในวันนี้ได้บ้าง
· นักวิเคราะห์จาก Vanguard Markets มีมุมมองว่า กระแสความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของเฟด เป็นปัจจัยที่กดดันกหารลงทุนให้สินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และไปหนุนราคาทองคำแทน
· ตลาดจะให้ความสนใจไปยัง นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่จะมีการกล่าวถ้อยแถลงการณ์ดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสจำนวน 2 วันเพื่อจับตาดูท่าทีการปรับลดดอกเบี้ย โดยจะเริ่มขึ้นในคืนวันพุธนี้
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ ลดการถือครองทองคำลง 0.15% สู่ระดับ 795.80 ตัน จากเดิมที่ระดับ 795.80 ตันในวันจันทร์ และ 796.97 ตันในศุกร์
· บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักบริหารเพิ่มการถือสถานะ Long ในทองคำ COMEX เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ในเชิงเทคนิค นักวิเคราะห์จาก Reuters ประเมินว่า ราคาทองคำน่าจะสิ้นสุดการปรับฐานแถวแนวรับที่ระดับ 1,387 เหรียญ และจากนั้นจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,421 เหรียญ
· หนึ่งในนักวิเคราะห์จาก Trading View วันนี้ คาดการณ์ว่า ทองคำยังคงสดใส มีโอกาสไป 1,470 - 1,525 เหรียญได้ หากประธานเฟดยังคงกล่าวย้ำด้วยท่าทีซีเรียสต่อการลดดอกเบี้ย
· นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าวว่า การฟื้นตัวของทองคำชะลอตัวลงชั่วคราว และมีแนวโน้มจะเห็นทองคำเคลื่อนไหวในกรอบจนกว่าจะมีรอบใหม่ที่เข้ามาเป็นขาขึ้นของราคาอีกครั้ง ที่อาจทำให้ทองกลับไปแตะ 1,500 เหรียญก็เป็นได้
ความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯดูจะเป็นตัวจำกัดการปรับขึ้นของราคาในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ตลาดรอดูว่าเฟดจะเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินเช่นไร ซึ่งในช่วงอีก 6 เดือนจากนี้ นักลงทุนในทองคำมีแนวโน้มจะมุ่งประเด็นไปยังเรื่องที่เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอย่างไร เนื่องจากจากผลสำรวจส่วนใหญ่ก็ดูบ่งชี้ว่าเฟดไม่น่าจะคุมเข้มทางการเงินได้ ทางด้านความมีเสถียรภาพของเงินเฟ้อ และข้อมูลเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับเฟดในการดำเนินนโยบายการเงินไปในทิศทางไหน
ยกตัวอย่างล่าสุดจะเห็นได้ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจอย่าง Non-Farm Payrolls ที่ออกมาดีขึ้นในคืนวันศุกร์ได้ทำให้ราคาทองคำร่วงหลุด 1,400 เหรียญลงมา และทำให้โอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดดูจะลดน้อยลงไป และทำให้แนวรับสำคัญทองคำ ณ ปัจจุบันอยู่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 38.2% ที่วัดจากปี 2011 – 2015 บริเวณ 1,381 เหรียญ และแนวต้านด้านบนยังอยู่ที่ 1,440 เหรียญ
TD Securities ยังย้ำว่า บริเวณ 1,400 เหรียญ ดูเหมือนจะเห็นทองคำเคลื่อนไหวได้ดีกับระดับนี้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะเป็นบริเวณที่ดีทีจะเห็นทองคำเริ่มต้นฟื้นตัว เพื่อไปแตะ 1,474 เหรียญได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีหน้า ขณะที่การปรับฐานของตลาดหุ้น และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีความเสี่ยงจะออกมาแย่ลง ก็ดูเหมือนจะยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดอาจต้องเดินหน้าลดดอกเบี้ย ซึ่งนั่นจะทำให้ทองคำอาจกลับมาเหนือ 1,500 เหรียญได้ในเดือนธ.ค. ปี 2020
· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.1% แถว 15.04 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.6% แถว 1,551.87 เหรียญ และราคาแพลทินั่มปรับลดลง 0.3% แถว 811.17 เหรียญ