MTS Help Center

  

ผู้บริหาร University of Texas ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่สามารถครองตำแหน่งประธานาธิบดีได้เป็นสมัยที่สอง หากยังเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนหรือประเทศคู่ค้าอื่นๆ



ในปัจจุบัน แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ได้สร้างความเสียแก่เศรษฐกิจสหรัฐฯไปมากแค่ไหน แต่ความเสียหายที่เกิดกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเป็นตัวกำหนดว่านายทรัมป์จะสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อได้อีกสมัยหรือไม่



กล่าวคือ หากนายทรัมป์ยังเดินหน้าขึ้นภาษีต่อไป เขาอาจจะสูญเสียเสียงสนับสนุนจนพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเลือกตั้งปี 2016 ที่ผ่านมา เขาสามารถเอาชนะมาได้ด้วยคะแนนเพียงฉิวเฉียดเท่านั้น



นายทรัมป์กำลังสูญเสียฐานเสียงสนับสนุน จากที่เขาทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่เป็นฐานเสียงสำคัญ ดังนั้น จึงไม่คาดว่าพวกเขาจะให้การสนับสนุนนายทรัมป์เหมือนกับการเลือกตั้งครั้งก่อนอย่างแน่นอน



ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้ากลุ่มการเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากภาษี ส่งผลให้ผู้ส่งออกของสหรัฐฯสูญเสียรายได้ไปกว่า 74% ในปี 2018 ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้า ยกตัวอย่างเช่น เมล็ดถั่วเหลือง ปรับลดลงสู่ระดับ 3.1 พันล้านเหรียญ ในปี 2018 จากเดิมที่ 1.22 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2017



จึงสรุปได้ว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ต่างอะไรกับการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตในสหรัฐฯเสียเอง



นอกจากนี้ ผลวิจัยจากองค์กร IMF ยังพบว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ สร้างผลกระทบในทางลบต่อผู้บริโภคและผู้ผลิตในสหรัฐฯ มากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ส่งออกของจีนเสียอีก



ที่มา: CNBC