· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นทำ All-Time High ท่ามกลางนักลงทุนที่ตอบรับกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +243.95 จุด หรือคิดเป็น +0.9% ที่ระดับ 27,332.03 จุด โดยยืนเหนือ 27,000 จุดได้ครั้งแรกตั้งแต่วันพฤหัสบดี และดัชนี S&P500 ปิด +0.5% ที่ 3,013.77 จุด และถือเป็นครั้งแรกที่ปิดเหนือ 3,000 จุด ทางด้าน Nasdaq ปิด +0.6% ที่ 8,244.14 จุด
ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปรับขึ้นได้ 1.5% ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 0.8% และ Nasdaq รายสัปดาห์ปรับขึ้นเช่นกันกว่า 1%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมปริมาณการซื้อขายในวันศุกร์ค่อนข้างเบาบางประมาณ 30 ล้านหุ้นในกลุ่ม SPDR S&P500 ETF ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดรอบปี
· ตลาดหุ้นยุโรปทรงตัว ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับข้อมูลการค้าจีนและการผลิตของยูโรโซน โดยดัชนี Stoxx600 ภาพรวมยังคงปิดแดนบวกได้จากหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่ปิด +1.2% แม้ว่ากลุ่มยานยนต์จะปิด -0.8% และหุ้นกลุ่มสุขภาพที่ร่วงลง 1.3%
ข้อมูลยอดส่งออกจีนชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาดในเดือนมิ.ย.แตะ 1.3% เทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา อันเป็นผลกระทบจาก Trade War ขณะที่ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนออกมาดีขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ที่ระดับ 0.9% จึงช่วยชดเลยการปรับตัวลงของภาคการผลิตในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาอันเป็นผลจากความตึงเครียดทางการค้า
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยรายงานจีดีพีจีนไตรมาสที่ 2 โดยดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.3% ขณะที่ ASX200 เปิด -0.66%
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก AMP Capital กล่าวว่า ข้อมูลจีดีพีจีนไตรมาสที่ 2 ในวันนี้ถูกคาดว่าจะชะลอตัวลงจาก 6.4% ในไตรมาสก่อนหน้าสู่ระดับ 6.2% ซึ่งจะเป็นต่ำสุดรอบ 27 ปี อันได้รับผลกระทบจาก Trade War
· ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันแห่งท้องทะเล
· อ้างอิงสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์นี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.80 - 31.00 บาท/ดอลลาร์ โดยประเมินว่าเงินบาทจะมีทิศทางที่อ่อนค่าลง จากที่ก่อนหน้านี้เงินบาทแข็งค่าไปค่อนข้างมาก โดยมองว่ามีโอกาสจะกลับเข้าสู่ระดับ 31 บาท/ดอลลาร์ได้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังติดตามการประชุมเฟด ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อรอดูว่าเฟดจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่
- ธปท. ออกมาตรการเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น ห่วงบาทแข็งค่าเร็วกระทบเศรษฐกิจ โดยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อลดทอนช่องทางในการเก็งกำไรค่าเงินบาท และเพิ่มความเข้มงวดในการรายงานข้อมูลการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ธปท. ประกาศมาตรการข้างต้นออกมา น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมรับมือกับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่อาจจะมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณที่สะท้อนโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุม FOMC ในช่วงสิ้นเดือนก.ค. 2562 นี้เป็นอย่างเร็ว