MTS Help Center

· ดอลลาร์อ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯจะออกมาดีขึ้นเกินคาดแต่ก็ล้มเหลวในการที่เฟดจะล้มเลิกความคิดที่จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยดัชนีดอลลาร์วันศุกร์อ่อนค่าลงมาอีก 0.1% ที่ 96.94 จุด และถือเป็นระดับสัปดาห์ที่มีการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์

ค่าเงินสกุลหลักอื่นๆได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ที่ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกันที่จะปรับลดดอกเบี้ย

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงในช่วงต้นตลาด จากการที่นายอิกนาซีโอ วิสโก สมาชิกบอร์ดบริหารของอีซีบี กล่าวในวันศุกร์ว่าอาจจำเป็นต้องขยายเวลาของมาตรการทางการเงินออกไป หากเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่สามารถฟื้นตัว และอีซีบีจะทำการตัดสินใจทางเลือกอื่นๆในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ภาพรวมค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1258 ดอลลาร์/ยูโร โดยต่ำกว่าระดับสูงสุดระหว่างวันที่ทำไว้ในช่วงต้นตลาดที่ 1.1275 ดอลลาร์/ยูโร

· ตลาดกำลังมุ่งประเด็นไปยังถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาชิคาโกและนิวยอร์กในวันนี้ว่าจะมีสัญญาณต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดเช่นไร

· นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Mizuho Securities กล่าวว่า หากสมาชิกเฟดไม่มีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เช่นเดียวกับนายโพเวลล์ ประธานเฟด และหากผลสำรวจการผลิตของนิวยอร์กยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเกินคาด ก็อาจทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นได้อีกครั้ง

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน โดยเป็นรายสัปดาห์ที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯดูจะแข็งแกร่งเกินคาด โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.131% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ 11 มิ.ย. ทางด้านผลตอบแทนราย 30 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.6535%

เพราะนอกจากข้อมูล CPI ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ถึงการขยายตัวและ Core CPI ขยายตัวได้มากที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ข้อมูล PPI ในวันศุกร์ก็ยังคงขยายตัวได้เกินคาด

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ โดยที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ก็สะท้อนโอกาส 100% ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ แต่ตลาดหุ้นก็ประเมินว่าอาจเห็นเฟดมีท่าที่เข้มงวดมากขึ้นในการปรับลดดอกเบี้ยด้วย

หัวหน้านักกลยุทธ์และกรรมการผู้จัดการจาก Wells Fargo Securities มองว่า เฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ เป็นอัตรา 0.50% แต่ตลาด ณ ขณะนี้ก็มองว่าจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยได้มากขึ้นถึง 0.65 – 0.70% ซึ่งเรามองว่าตลาดอาจผิดหวังจากคาดการณ์ดังกล่าวได้

· รายงานจาก Wall Street Journal เผยว่า บริษัท Huawei มีแผนจะปลดพนักงานออก 850 รายในประเทศสหรัฐฯ จากที่มีพนักงานประมาณ 1,500 รายในสหรัฐฯ หลังจากที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยทีมบริหารของนายทรัมป์กับกรณีความกังวลด้านความมั่นคง

แม้ว่าการปลดพนักงานดังกล่าวจะมีความไม่ชัดเจนอยู่ แต่แหล่งข่าววงใน เชื่อว่า ประชาชนนับร้อยๆรายนั้นจะตกงานอย่างแน่นอน ขณะที่ทาง Huaweiก็ยังไม่ได้ออกมาให้ความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ในทันที

· ไต้หวันกำลังใกล้เข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้ง โดยทางพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรค Kuomintang (KMT) ในรัฐบาลไต้หวันกำลังมีการเลือกผู้นำพรรคเพื่อส่งเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. ปี 2020

ผู้นำพรรคฝ่ายค้านจะต้องแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากนางไช่ อิงเหวิน ผู้ที่มีคะแนนความนิยมสูงขึ้นจากการเกาะกระแสการประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ชื่อของผู้นำพรรคฝ่ายค้านน่าจะได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า

ในส่วนของความสัมพันธ์ทางค้า ทางรัฐบาลจีนซึ่งกำลังจับตาการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ดูจะชื่นชอบพรรค KMT มากกว่ารัฐบาลไต้หวันชุดปัจจุบัน เนื่องจากทางพรรค KMT มีการเน้นน้ำถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีร่วมกับประเทศจีนมาโดยเสมอ

สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านมากที่สุด ณ ตอนนี้ คือนายหานกั๋วอวี๋ (Han Kuo-yu) ผู้ว่าเมืองเกาสง และนายเทอร์รี่ กัว (Terry Gou) ผู้ก่อตั้ง Foxconn ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่

· น้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับแข็งแกร่ง จากกรณีที่บริเวณอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของสหรัฐฯต้องหยุดทำการชั่วคราวจากพายุโซนร้อน แต่ตลาดก็ยังคงมีความกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบทั่วโลกในเดือนนี้จะเป็นปัจจัยที่เข้าจำกัดราคา โดยน้ำมันดิบ WTIสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นได้เกือบ 5% ขณะที่ Brent ปรับขึ้นเกือบ 4%

น้ำมันดิบ WTI ปิดคืนวันศุกร์ประมาณ 1 เซนต์ ที่ 60.21 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 25 เซนต์ ที่ 66.77 เหรียญ/บาร์เรล

พายุโซนร้อนแบร์รี่ ถูกคาดว่าจะกลายเป็นพายุเฮอริเคนก่อนที่จะขึ้นฝั่งในสัปดาห์นี้ และนั่นจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน เนื่องจากบริษัทน้ำมันบริเวณอ่าวเม็กซิโกต้องลดกำลังการผลิตลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 53% ของกำลังการผลิตในภูมิภาคทั้งหมด

· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ประกาศอนุมัติวีซ่าให้กับนายจาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งอิหร่าน ให้สามารถเดินทางมายังกรุงนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาติสัปดาห์นี้ได้ โดยก่อนหน้านี้เกิดความกังวลว่า หากสหรัฐฯไม่อนุมัติวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่อิหร่าน อาจเป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯกำลังพยายามเลี่ยงการเจรจากับอิหร่าน