• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2562

    17 กรกฎาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.45% ที่ระดับ 97.38 จุด และระหว่างวันทำ High ที่ 97.361 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดในช่วง 4 วันทำการ จากข้อมูลยอดค้าปลีกที่ดีขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งสะท้อนถึงสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับลดโอกาสที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยหนักในช่วงปลายเดือนนี้



นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบยูโร โดยยูโรอ่อนค่ามา 0.38% ที่ระดับ 1.1215 ดอลลาร์/ยูโร ที่ถูกกดดันจากความเชื่อมั่นนักลงทุนในเยอรมนีที่ออกมาไม่ดีนัก เพราะได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน และปัญหาทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านที่ตึงเครียดมากขึ้น



ค่าเงินปอนด์ร่วงลงทำต่ำสุดรอบ 6 เดือนเมื่อเทียบยูโร และดิ่งลงรอบ 27 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน และนายเจเรมี ฮันท์ สมาชิกอนุรักษ์นิยมจะลงชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะมีท่าทีแข็งกร้าวต่อการเจรจา Brexit



ขณะที่กลุ่มนักลงทุนกังวลกันถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่จะเห็นอังกฤษออกจากอียูแบบ No-Deal



ทั้งนี้ เงินปอนด์ร่วงหลุด 1.24 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นการหลุดระดับดังกล่าวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ เม.ย. ปี 2017 โดยภาพรวมเมื่อคืนปิด -0.91% ที่ระดับ 1.2403 ดอลลาร์/ปอนด์



· ในสัปดาห์ที่แล้วประธานเฟดมีท่าทีจะดำเนินนโยบายด้วยความเหมาะสมในการกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรส เพื่อเป็นการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์ค่อนข้างมั่นใจที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุม 30-31 ก.ค.นี้



ขณะเดียวกันเหล่าเทรดเดอร์ก็ยังจับตาไปยังอีซีบีด้วยเช่นกัน ที่ดูจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับติดลบได้ในช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยจะเห็นได้จากข้อมูลของสถาบัน ZEW ที่เผยว่า ความเชื่อมั่นักลงทุนปรับลงสู่ระดับ -24.5 จุดในเดือนก.ค. จากระดับ -21.1 จุดในเดือนก่อนหน้า



· นักกลยุทธ์จาก Bank of America Merrill Lynch กล่าวว่า ธนาคารกลางต่างๆมีการแทรกแซงค่าเงินของตัวเองและทำให้เกิดสงครามค่าเงินเพียงแต่ไม่มีใครยอมรับต่อประเด็นนี้ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้ตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงินซบเซา ท่ามกลางท่าทีของธนาคารกลางต่างๆที่ดูจะเลือกใช้วิธีผ่อนคลายทางการเงินในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฟด, บีโออี และอีซีบีที่ดูจะส่งสัญญาณใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเช่นกัน



นักวิเคราะห์หลายรายก็เริ่มประเมินกันว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯเองก็อาจจะพยายามแทรกแซงให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากที่มีการแสดงความคิดเห็นต่อค่าเงินมาหลายครั้ง และล่าสุดนายทรัมป์ก็มีการตำหนิจีนและยุโรปในการดำเนินนโยบายให้ค่าเงินตัวเองอ่อนค่า เพื่อให้ได้เปรียบในด้านการแข่งขันทางการค้ากับสหรัฐฯ พร้อมตำหนิเฟดที่ไม่ยอมปรับลดดอกเบี้ย



ทั้งนี้ หากบรรดาธนาคารกลางต่างๆยังคงส่งสัญญาณในการดำเนินนโยบายทิศทางเดียวกัน ค่าเงินต่างๆก็มีแนวโน้มจะเข้าสู่สภาวะ Deadlock



BoAML สรุปว่า ทุกฝ่ายพยายามที่จะดำเนินนโยบายต่อค่าเงินตนเอง แต่ทุกคนกำลังพยายามในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นในท้ายที่สุดจะไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ กลับกันดูจะเป็นการทำลายและได้รับผลกระทบกันทั่วทุกฝ่าย



· การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนส่งสัญญาณจะยืดเยื้อออกไป หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การบรรลุเป้าหมายของการเจรจายังอยู่อีกไกล พร้อมข่มขู่จะขึ้นภาษีจีนเป็นมูลค่าอีก 3.25 แสนล้านเหรียญ


ขณะที่ทางจีน ได้เพิ่มสมาชิกทีมบริหารคนสำคัญเพิ่มอย่างเป็นทางการอีก 1 คน ซึ่งก็คือนายจง ซาน (Zhong Shan) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน ที่เป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการอย่างแข็งกร้าว และเคยร่วมการเจรจาร่วมกับสหรัฐฯเมื่อการประชุม G20 และการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ครั้งที่ผ่านๆมา การเพิ่มสมาชิกร่วมทีมเจรจาอย่างกะทันหันครั้งนี้ เป็นสัญญาณว่านายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯง่ายๆเช่นกัน



นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังไม่มีการนัดหมายที่จะมาพบกันโดยตรง การเจรจาที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะห่างเหินกันยิ่งกว่าการเจรจาครั้งก่อนๆเมื่อเดือน พ.ย. – ธ.ค. ปีที่แล้วเสียอีก



· อิหร่านและสหรัฐฯ มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับความคืบหน้าของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศที่ผสมผสานกัน โดยผู้นำอิหร่านข่มขู่จะละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 มากยิ่งไปกว่านี้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุว่าทั้งสองฝ่าย “มีความคืบหน้าที่ดี”

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงกว่า 2 เหรียญ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวถึงความคืบกับอิหร่าน จึงอาจทำให้ความตึงเครียดในตลาดผ่อนคลายลง โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 2.56 เหรียญ หรือ -3.7%ที่ระดับ 63.86 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำ High ที่ 67.09 เหรียญ/บาร์เรล



ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 2.46 เหรียญ หรือ -4.2% ที่ 57.09 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำ High สูงสุดที่ 60.06 เหรียญ/บาร์เรล



· รายงานจาก CNBC ชี้ว่า บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าถ้อยแถลงล่าสุดของนายทรัมป์จะเป็นการแสดงความต้องการให้เกิดการเจรจาร่วมกันก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่อิหร่าน กล่าวในที่ประชุม UN ว่า โครงการมิสไซน์ของอิหร่านจะไม่ถูกนำไปเจรจา และก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะหาทางแก้ปัญหากันได้ยากลำบากและอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรเพิ่มขึ้นและจะเป็นการตอกย้ำความตึงเครียดให้รุนแรงขึ้นหรือไม่?



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com