· ราคาทองคำย่อตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไร หลังจากราคาปรับขึ้นไปได้ในช่วงตลาดก่อนหน้า
ราคาทองคำปรับลดลง 0.3% แถว 1,422.40 เหรียญ หลังทำระดับสูงสุดของวันที่ 3 ก.ค. ที่ 1,428.40 เหรียญ
ราคาทองคำปรับขึ้นได้เกือบ 1.5% ในช่วงตลาดก่อนหน้า หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากตัวเลขเศรษฐกิจภาคอสังหาฯของสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาด จึงตอกย้ำถึงแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.1% แถว 1,421.90 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets มีมุมมองว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ประกอบกับความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำตลอดช่วง 24 ช.ม. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาทองคำมีแนวต้านสำคัญที่ 1,430 เหรียญ การที่ราคาไม่สามารถขึ้นเหนือแนวต้านนี้ได้เมื่อคืนนี้ ทำให้เกิดการเทขายเพื่อทำกำไรออกมาในระยะสั้น
· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.2% หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์จากตัวเลขยอดค่าปลีกของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาสดใส ก่อนที่จะอ่อนค่าลงหลังข้อมูลภาคอสังหาฯออกมาน่าผิดหวัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตปรับลดลง ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังกดดันความเชื่อมั่นของตลาดอยู่
· ในขณะเดียวกัน เฟดถูกคาดการณ์ว่าพวกเขาจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่บางส่วนคาดการณ์ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50%
· รายงานจากเฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้ในระดับ “ปานกลาง” ในช่วงไม่สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาคผู้บริโภคยังมีการใช้จ่ายที่แข็งแกร่ง และภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ใน “แดนบวกเป็นส่วนใหญ่” แม้จะเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯก็ตาม
· เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีกเป็นมูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก OANDA มีมุมมองว่า ราคาทองคำน่าจะได้รับแรงหนุนจากรายงานของเฟดที่ระบุว่า บรรดาคณะกรรมการเฟดมีความกังวลต่อปัจจัยที่อาจเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ เพิ่มการถือครองทองคำขึ้น 0.45% สู่ระดับ 803.18 ตัน จากเดิมเมื่อวันอังคารที่ 799.37 ตัน
ทองขึ้นจากสัญญาณการเจรจาการค้าเชิงลบ ดอลลาร์อ่อนค่า
· ราคาทองคำปรับสูงขึ้นได้ในช่วง 24 ช.ม. ที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ดำเนินไปในเชิงลบ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับลดลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง มุมมองเชิงลบที่มีต่อการเจรจาการค้ายังคงเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะขึ้นภาษีจีน “หากเขาต้องการ”
XAU/USD TECHNICAL ANALYSIS
ราคาทองคำปิดตลาดใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2013 แต่ยังไม่สามารถ Break ออกจากกรอบการเคลื่อนไหวเดิมที่คงอยู่มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ซึ่งราคาทองคำจำเป็นต้องผ่านระดับ 1,433 เหรียญไปให้ได้ ถึงจะมีโอกาสขึ้นต่อ ขณะที่สัญญาณ RSI เริ่มอ่อนตัวลง บ่งชี้ว่าทิศทางขาขึ้นเริ่มอ่อนกำลัง จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลดลงในระยะสั้นได้
· นายเรย์ ดาริโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่ตลาดให้ความน่าสนใจมากที่สุด ในขณะที่บรรดาธนาคารกลางกำลังทยอยผ่อนคลายนโยบายการเงินลง และการเปลี่ยนแปลง “ครั้งสำคัญ” ในตลาดการลงทุนก็กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
โดยนายดาริโอโพสข้อความดังกล่าวผ่านทาง LinkedIn และยังได้กล่าวถึงสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ที่มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนที่น้อยลง เนื่องจากมีผู้ที่ถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้มากเกินไป ดังนั้น จึงได้แนะนำว่า นักลงทุนควรปรับพอร์ตการลงทุนมาถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีอย่าง ทองคำ ในขณะที่สกุลเงินต่างๆเริ่มอ่อนค่าลง ประกอบกับสัญญาณความตึงเครียดทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.5% แถว 16.05 เหรียญ หลังทำระดับสูงสุดของวันที่ 20 ก.พ. ที่ระดับ 16.12 เหรียญ และมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นได้ติดต่อกัน 5 วันทำการ
· ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.8% แถว 849.88 เหรียญ ส่วนราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.3% แถว 1,542.49 เหรียญ