• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2562

    19 กรกฎาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ค่าเงินเยน และค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ร่วง 0.42% แตะ 96.81 จุด อันเป็นผลจากถ้อยแถลงของ นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่ดูจะหนุนกระแสเฟดลดดอกเบี้ยในเดือนนี้มากขึ้น หลังเขาระบุว่า เฟดจำเป็นต้องรีบดำเนินการโดยเร็วและจริงจัง เกี่ยวกับเรื่องการลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และสร้างความกังวลให้กับหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ



นายวิลเลียม ระบุว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ ผมคิดว่าธนาคารกลางควรจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจัง



รายงานจาก CNBC ชี้ว่าถ้อยแถลงของนายวิลเลียมได้ส่งผลให้เทรดเดอร์คาดหวังจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในช่วงปลายเดือนนี้



หลังทราบถ้อยแถลงดังกล่าวเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ก็เผยข้อมูลว่า ตลาดเริ่มคาดว่ามีโอกาส 59% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% จากคาดการณ์เดิมระหว่าง 20-30%



ขณะที่ถ้อยแถลงของ นายริชาร์ด แคลริดา รองประธาน ที่ระบุกับสำนักข่าว Fox Business News ว่าการปรับลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี ก็ยิ่งทำให้ตลาดคาดจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% มากขึ้นถึง 69%



· รายงานจาก Wall Street Journal เผย การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะยังอยู่ในทางตัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องข้อจำกัดต่อบริษัท Huawei ขณะที่วันอังคาร นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ส่งสัญญาณเจรจาการค้ายังยืดเยื้อในการหาข้อตกลงร่วมกัน



· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาทรงตัวตามคาด โดยมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 216,000 ราย แต่ภาพรวมก็ยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีสัญญาณชะลอตัว

· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า เขาและนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ จะมีการเจรจาการค้าร่วมกับตัวแทนประเทศจีนผ่านทางโทรศัพท์ภายในวันนี้ แต่ได้เตือนว่า “ปัญหาความขัดแย้งที่ซับซ้อน” ยังคงมีอยู่

โดยนายมนูชินระบุว่า นี่จะเป็นการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ครั้งที่สอง ซึ่งก่อนนี้เป็นการเจรจาในระดับชั้นทำงาน และทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินงานภายใต้หลักการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ตกลงร่วมกันเมื่อการประชุม G20 ที่ผ่านมา อย่างเคร่งครัด



ทั้งนี้ หากการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น เชื่อว่าจะทั้งสองฝ่ายจะกลับมาพบกันโดยตรงได้อีกครั้ง




· อัตราการโยกย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนของบรรดาบริษัทรายใหญ่ดูจะมีอัตราที่รวดเร็วมากยิ่ง โดยรายงานจาก Nikkei Asian ระบุว่า ล่าสุดพบว่ามีบริษัทหลากหลายสัญชาติมากกว่า 50 บริษัท ซึ่งรวมถึง Apple, Dell และ Nintendo ที่โยกย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีที่หนักหน่วงของสหรัฐฯ



ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP และ Dell นั้น อาจย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมากถึง 30% ไปสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ทาง Apple กำลังประเมินความเสียหายร่วมกับบรรดาซัพพลายเออร์ในกรณีที่พวกเขาย้ายฐานผลิต 15 – 30% จากจีนไปสู่อินเดีย



ขณะที่ทาง Nintendo กำลังทยอยย้ายฐานการผลิตเครื่องเกมออกจากจีนไปสู่เวียดนาม



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เรือรบ USS Boxer โจมตีและทำลายโดรนสำรวจของอิหร่านในพื้นที่ช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อวานนี้ โดยระบุว่าเป็นการกระทำเพื่อ “ป้องกันตัวเอง”

เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้เกิดขึ้น 4 สัปดาห์ให้หลังจากที่โดรนสำรวจของสหรัฐฯถูกกองทัพอิหร่านทำลายในพื้นที่เดียวกัน และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังมีรายงานว่ากองทัพอิหร่านเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันของต่างชาติ โดยทางกองทัพอ้างว่าเป็นเรือที่ลักลอบบรรทุกน้ำมันอย่างผิดกฏหมาย



ทั้งนี้ นายทรัมป์ระบุว่า เรือรบ USS Boxer จำเป็นต้องเปิดฉากโจมตีโดรนสำรวจเพื่อป้องกันตนเอง หลังจากที่ทางเรือรบพยายามเรียกร้องให้โดรนหยุดการเคลื่อนตัวเข้าใกล้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล และโดรนก็ยังคงเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาในพิสัย 1,000 หลา จึงตัดสินว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของลูกเรือ จึงเปิดฉากโจมตี



· รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เกาหลีใต้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นยอมรับข้อเรียกร้องต่อการเจรจามาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดของญี่ปุ่น เพราะดูจะเป็นการคุกคามต่อด้านไมโครชิพและการแสดงผลของบริษัทสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่จะกระทบต่อภาวะห่วงโซ่อุปทานได้


· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากการอ่อนตัวของตลาดหุ้น ประกอบกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าผลผลิตน้ำมันบริเวณอ่าวเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นหลังเผชิญกับพายุเฮอริเคนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.48 เหรียญ หรือ -2.6% ที่ระดับ 55.3 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปิดลบต่อเนื่อง -1.5% ในวันก่อน และ -3% ในวันอังคาร

ด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1.94 เหรียญ หรือ -3% ที่ระดับ 61.72 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากวันพุธปิด -1% และอังคารปิด -3%



· กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซบริเวณอ่าวเม็กซิโกจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งหลังพายุเฮอริเคน Barry ผ่านพ้นไป โดย Royal Dutch Shell หนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่บริเวณดังกล่าว คาดว่าจะกลับมาเพิ่มกำลังผลิต 80% จากการผลิตรายวันในภูมิภาค



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com