· นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan เตือน ทิศทางขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ดำเนินมาอย่างยาวนานตลอดปีนี้ อาจจบลงอย่างเร็วที่สุดภายในไตรมาสนี้
โดยแรงเทขายในตลาดหุ้นอาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ขึ้นอยู่การปรับคาดการณ์ผลประกอบการของบรรดาบริษัทในปีหน้า ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์กำลังคาดการณ์ค่าเฉลี่ยของผลประกอบการปีหน้าจะเติบโตได้ 14% ในปี 2020 ซึ่งดูเป็นตัวเลขที่ “ค่อนข้างสูง” เมื่อพิจารณาความเสี่ยงของภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอเข้าไปด้วย
J.P. Morgan ไม่ใช้องค์กรเดียวที่มีมุมมองเช่นนี้ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จาก Absolute Strategy Research ได้เตือนว่า การกลับตัวอย่างรุนแรงของตลาดหุ้น อาจเกิดขึ้นภายใน 18 เดือนข้างหน้า
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอช่วยหนุนกระแสคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของอีซีบี โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.4% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวกเช่นเดียวกัน
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอบ่งชี้ควมหวังที่ว่าอีซีบีอาจจะปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมวันนี้
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นัก เพิ่มขึ้น 0.23%
ด้านหัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์เสี่ยง ระบุว่า โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ เป็นข่าวที่ดีสำหรับราคาหุ้น
ทั้งนี้ ดัชนีกลุ่มบลูชิพพของจีนเพิ่มขึ้น 0.48% เนื่องจากเหล่านักลงทุนรอคอยการพบกันระหว่างผู้แทนทางการค้าสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์หน้า แม้ว่าจะมีสัญญาณเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการสร้างความก้าวหน้าที่แท้จริงในสงครามการค้าของทั้งสองประเทศ
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากเหล่านักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนการตัดสินใจเชิงนโยบายของอีซีบีในการประชุมวันนี้ รวมทั้งการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.22% ที่ระดับ 21,756.55 จุด หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วัน 7 พ.ค.ที่บริเวณ 21,823.07 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางเหล่านักลงทุนจะให้ความสนใจไปยังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ะรดับ 2,937.36 จุด
ตัวแทนเจรจาการค้าระดับสูงของสหรัฐฯและจีนจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งแบบเผชิญหน้ากันในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธดิบสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เห็นพ้องกันที่ควรเจรจาหาข้อยุติปัญหา Trade War ที่ยืดเยื้อ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดีดตัวขึ้น ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่บวกราว 0.3% จากความคาดหวัง 2 ปัจจัย ทั้งจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังแถลงนโยบายฯอยู่ และจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีการประชุมวันนี้ โดยตลาดฯคาดการประชุมรอบนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ให้รอดูการส่งสัญญาณจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินหรือไม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าระบบ
นอกจากนี้ ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งช่วงนี้ไม่เพียงแต่ตลาดบ้านเรา ยังมีตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคต่างก็อยู่ในช่วงประกาศงบฯเช่นกัน
- นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงแนวคิดในการเก็บภาษีที่ได้จากกำไรในการซื้อขายหุ้น(capital gain tax) ว่า อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นและศึกษาแนวทางจากอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ได้เสนอความคิดเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอติดตามต้องรอติดตามนโยบายการปฎิรูปภาษีจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จึงจะส่งนโยบายมายังกรมสรรพากรต่อไป
"เรายอมรับว่ามีการศึกษาเกี่ยวกับการเก็บภาษี Capital Gain ด้วยมีมุมมองที่ว่าเป็นกลุ่มที่สร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากต้องรอนโยบายของ สศค. ที่ออกมาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร และต้องใช้ระยะเวลาศึกษาให้รอบคอบก่อน" นายเอกนิติ กล่าว