โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.53%
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนในเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะพบกันในสัปดาห์หน้า จะสามารถสร้างความแตกต่างในด้านการค้า เทคโนโลยีและการเมืองได้หรือไม่ ส่งผลให้เหล่านักลงทุนจำนวนมากระมัดระวังการลงทุน
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากผลประกอบการในประเทศและสหรัฐฯออกมาอ่อนแอ หลังจากปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งช่วงก่อนหน้านี้
โดยดัชนีหลักทั้งสามของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ หลังจากผลประกอบการรายไตรมาสที่อ่อนแอของฟอร์ดมอเตอร์และบริษัทอื่น ๆ และหลังจากที่อีซีบีตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะคงดอกเบี้ยหรือปรับลดดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 2020
พร้อมกันนี้อีซีบีกำลังมีการพิจารณาถึงมาตรการอื่นๆที่จะเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.45% ที่ระดับ 21,658.15 จุด หลังขึ้นไปที่บริเวณ 21,823.07 ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น นำโดย หุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 2,944.54 จุด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นวันที่สอง โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยสมาชิกรัฐสภาได้สอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเกษตกร และการตรวจสอบการทุจริตในกรณีต่างๆ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลได้วางแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณา แต่รัฐบาลพร้อมที่จะรับไปดูแลอย่างเป็นระบบ เพราะการปรับค่าแรงจะกระทบผู้ประกอบการและราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาระยะยาวที่จะเน้นเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลควรปรับยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต่างประเทศรักและชอบประเทศไทย แต่ไม่ชอบการประท้วง ดังนั้น เสถียรภาพทางการเมือง และความสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนและการท่องเที่ยว ขณะที่ไทยเองยังมีปัญหาเวลาจะมีการลงทุนใหม่ๆ โดยเกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชน ดังนั้นทุกอย่างต้องมองในภาพรวมก่อน ว่าอะไรจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
- อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเร่งศึกษาการจัดทำนโยบายภาษี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทั้ง
ระบบ โดยมีการศึกษาการเก็บภาษีเพิ่มหลายชนิด เช่น การเร่งผลักดันพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.. เพื่อ
รองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิสสิเนส) จากผู้ให้บริการในต่างประเทศ เช่น กูเกิล เฟซบุ๊ก ให้ได้
โดยเร็ว ซึ่งร่างกฎหมายอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และจะมีการเสนอให้นายอุตตม สาวนายน
รมว.คลัง พิจารณาต่อไป
- ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการหอการค้าฯ เตรียมเข้าพบรัฐมนตรี
เศรษฐกิจทุกกระทรวง เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลและแนวทางร่วมมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยจะดำเนินการภายหลัง
จากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเตรียมหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเป็น
รัฐมนตรีต่างๆ ที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็น
ต้น
- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวในระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยชี้แจงถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลว่า รัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น และให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ยกตัวอย่าง ในปี 2557-2558 เศรษฐกิจไทยประสบภาวะชะลอตัว ดังนั้นรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องตั้งงบประมาณขาดดุล ซึ่งเป็นความจำเป็นเพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงจูงใจให้เอกชนมาลงทุนในประเทศมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้