• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2562

    26 กรกฎาคม 2562 | SET News

· อ้างอิงจากรายงานของ Refinitiv's Lipper เผยว่า กองทุนหุ้นสหรัฐฯมีเม็ดเงินไหลออกกว่า 8.4 พันล้านเหรียญในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันพุธที่ผ่านมา ก่อนทราบประชุมเฟดที่ถูกคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% และการตัดสินใจของเฟดในวันที่ 31 ก.ค.นี้ หากปรับลดดอกเบี้ยจริง อาจเกิดสภาวะเม็ดเงินไหลออกดังกล่าวสะท้อนถึงลักษณะ "Sell the fact"

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากอีซีบีเมื่อวานนี้ประกาศคงดอกเบี้ย และยังคงกล่าวย้ำถึงการจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซนที่เผชิญกับการชะลอตัว พร้อมกันนี้อีซีบีกำลังมีการพิจารณาถึงมาตรการอื่นๆที่จะเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังจากรายงานผลประกอบการที่ออกมาอย่างผสมผสานกัน และเหล่านักลงทุนผิดหวังกับการคงดอกเบี้ยของอีซีบีบในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.53%

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนในเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะพบกันในสัปดาห์หน้า จะสามารถสร้างความแตกต่างในด้านการค้า เทคโนโลยีและการเมืองได้หรือไม่ ส่งผลให้เหล่านักลงทุนจำนวนมากระมัดระวังการลงทุน

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากผลประกอบการในประเทศและสหรัฐฯออกมาอ่อนแอ หลังจากปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งช่วงก่อนหน้านี้

โดยดัชนีหลักทั้งสามของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ หลังจากผลประกอบการรายไตรมาสที่อ่อนแอของฟอร์ดมอเตอร์และบริษัทอื่น ๆ และหลังจากที่อีซีบีตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะคงดอกเบี้ยหรือปรับลดดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 2020

พร้อมกันนี้อีซีบีกำลังมีการพิจารณาถึงมาตรการอื่นๆที่จะเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.45% ที่ระดับ 21,658.15 จุด หลังขึ้นไปที่บริเวณ 21,823.07 ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น นำโดย หุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 2,944.54 จุด

สำนักข่าวอินโฟเควสท์

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นวันที่สอง โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยสมาชิกรัฐสภาได้สอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเกษตกร และการตรวจสอบการทุจริตในกรณีต่างๆ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลได้วางแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณา แต่รัฐบาลพร้อมที่จะรับไปดูแลอย่างเป็นระบบ เพราะการปรับค่าแรงจะกระทบผู้ประกอบการและราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาระยะยาวที่จะเน้นเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน

ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลควรปรับยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต่างประเทศรักและชอบประเทศไทย แต่ไม่ชอบการประท้วง ดังนั้น เสถียรภาพทางการเมือง และความสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนและการท่องเที่ยว ขณะที่ไทยเองยังมีปัญหาเวลาจะมีการลงทุนใหม่ๆ โดยเกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชน ดังนั้นทุกอย่างต้องมองในภาพรวมก่อน ว่าอะไรจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

- อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเร่งศึกษาการจัดทำนโยบายภาษี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทั้ง

ระบบ โดยมีการศึกษาการเก็บภาษีเพิ่มหลายชนิด เช่น การเร่งผลักดันพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.. เพื่อ

รองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิสสิเนส) จากผู้ให้บริการในต่างประเทศ เช่น กูเกิล เฟซบุ๊ก ให้ได้

โดยเร็ว ซึ่งร่างกฎหมายอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และจะมีการเสนอให้นายอุตตม สาวนายน

รมว.คลัง พิจารณาต่อไป

- ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการหอการค้าฯ เตรียมเข้าพบรัฐมนตรี

เศรษฐกิจทุกกระทรวง เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลและแนวทางร่วมมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยจะดำเนินการภายหลัง

จากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเตรียมหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเป็น

รัฐมนตรีต่างๆ ที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็น

ต้น

- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวในระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยชี้แจงถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลว่า รัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น และให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ยกตัวอย่าง ในปี 2557-2558 เศรษฐกิจไทยประสบภาวะชะลอตัว ดังนั้นรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องตั้งงบประมาณขาดดุล ซึ่งเป็นความจำเป็นเพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงจูงใจให้เอกชนมาลงทุนในประเทศมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้


 
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com