• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2562

    30 กรกฎาคม 2562 | Economic News

· บีโอเจคงดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังไม่บรรลุเป้า ท่ามกลาง Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะจุดประกายให้บรรดาธนาคารกลางหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟดหรืออีซีบี ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย และเข้ากดดันบีโอเจ ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจที่ปรับมาเป็นขาลง

ทั้งนี้ บีโอเจส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย พร้อมระบุว่า จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยปราศจากความลังเล หากเศรษฐกิจญี่ปุ่นอ่อนแอ และกระทบให้เงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2%

· ค่าเงินเยนขยับเล็กน้อยเมื่อเทียบดอลลาร์หลังจากที่บีโอเจเลือกจะคงนโยบายการเงินตามคาด ท่ามกลางนักลงทุนที่ยังให้ความสนใจต่อการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 108.74 เยน/ดอลลาร์ โดยขยับเพียงเล็กน้อย จากช่วงเช้าที่ดิ่งลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 108.95 เยน/ดอลลาร์ในช่วงต้นตลาดเอเชีย



· เฟดถูกคาดว่าจะทำการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 2.00 – 2.25% ในวันพรุ่งนี้ และนักลงทุนรอดูสัญญาณว่าเฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 1 ครั้งหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หลังบีโอเจจบลงด้วยการปราศจากความเซอร์ไพร์สใหม่ใดๆ ก็ดูตลาดจะหันมาให้ความสนใจกับการประชุมเฟดแทน


ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 98.163 จุด โดยยังคงเคลื่อนไหวใกล้เคียงระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 98.165 จุด


กลุ่มนักลงทุนบางรายก็คาดว่าจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 0.25% เป็น 0.50% แต่จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่ได้แย่อย่างที่กังวลจึงทำให้กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้ลดน้อยลงไป


ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงทำอ่อนค่ามากที่สุดครั้งใหม่ในรอบ 28 เดือนในตลาดเอเชียแตะ 1.2164 ดอลลาร์/ปอนด์ (ต่ำสุดตั้งแต่ มี.ค. 2017) จากนักลงทุนที่กังวลมากขึ้นว่าจะเห็น No-Deal จากแนวทางของนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ รวมทั้งการจะจัดเลือกตั้งในเร็วๆนี้ และจะเห็นว่าตลอดช่วง 4 วันทำการค่าเงินปอนด์ยังคงร่วงลงต่อเนื่องจากความกังวลดังกล่าว


· นักวิเคราะห์จาก FXStreet ชี้ ค่าเงินยูโรสัปดาห์นี้ยังคงถูกกดดันและมีเป้าหมายคือจุดต่ำสุดเดิมของปีนี้ที่บริเวณ 1.1100 ดอลลาร์/ยูโร อย่างไรก็ดี วอลลุมซื้อขายที่อยู่ในตลาดขณะนี้ก็อาจช่วยพยุงให้ค่าเงินอาจไม่กลับไปทดสอบระดับดังกล่าวระยะสั้นๆได้

· FXStreet มองว่า จากสัญญาณที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโอกาสท่ี่จะเห็น Brexit เป็นไปแบบ No-Deal ก็ดูจะส่งผลให้เงินปอนด์ดิ่งลงทำ Low รอบ 28 เดือน แถว 1.2100 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนที่ตลาดลอนดอนจะเปิด

ขณะที่เทรนไลน์เส้น Descending ที่วัดช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาแถว 1.2110 ดอลลาร์/ปอดน์ หลังหลุดลงมาจะเห็นแนว 1.2100 ดอลลาร์/ปอนด์ และทำให้ ณ ปัจจุบันมีเป้าหมายเป็นระดับสำคัญที่ 1.2000 ดอลลาร์/ปอนด์


ในทางกลับกัน หากค่าเงินปอนด์ยืนเหนือจุดต่ำสุดเดิมเมื่อ 17 ก.ค. ที่กลายมาเป็นแนวต้านปัจจุบันบริเวณ 1.2380 ดอลลาร์/ปอนด์ได้ ระยะสั้นๆก็มีโอกาสกลับทดสอบสูงสุดเดิมเมื่อ ม.ค. ที่ 1.2440 ดอลลาร์/ปอนด์


· รายงานจาก Reuters ระบุว่า สหรัฐฯและจีนได้กลับสู่การเจรจาร่วมกันอีกครั้งในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่สองผู้นำตกลงกันได้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพยายามแก้ไขปัญหาเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน แต่ก็มีกระแสคาดการณ์ว่าจะมีความคืบหน้าค่อนข้างน้อยในการหารือรอบนี้ แต่กลุ่มภาคธุรกิจก็ต่างคาดหวังว่าอย่างน้อยจะได้ยินรายละเอียดและสัญญาณที่ดีจากทั้งสองฝ่าย เพื่อแสดงความชัดเจนต่อการเจรจาในอนาคต

โดยในหัวข้อการประชุมวาระนี้ จะประกอบไปด้วยการที่จีนจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ และสหรัฐฯจะอนุญาตให้บรรดาบริษัทกลับมาขายสินค้าให้แก่บริษัท Huawei Technologies


นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นว่า จีนน่าจะยังไม่ต้องการลงนามข้อตกลงทางการค้าใดๆ จนกว่าจะหลังจบการเลือกตั้งในปี 2020 และเมื่อนั้น พวกเขาก็คาดหวังที่จะมีการเจรจาอีกครั้งตามมาด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่าจากความแตกต่างของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า บริษัทสหรัฐฯยังคงเลือกที่จะสร้างโอกาสการลงทุนในประเทศจีนอยู่ แม้ว่าจะมีข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศก็ตาม

· ข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจฝรั่งเศสออกมาชะลอตัวลงเกินคาดในไตรมาสที่ 2 นี้ อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้บริโภคอ่อนแอ และการลดสต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจ โดยสถาบัน INSEE เผยข้อมูลจีดีพีฝรั่งเศสปรับตัวลงแตะ 0.2% จากระดับ 0.3% ในไตรมาสแรก

· ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับตัวขึ้นได้เป็นวันที่ 4 จากโอกาสที่เฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในสัปดาห์นี้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 33 เซนต์ หรือ +0.5% ที่ระดับ 64.04 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในวันก่อน ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 30 เซนต์ หรือ +0.5% ที่ 57.17 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures กล่าวว่า หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ก็อาจเห็นราคาน้ำมันพุ่งไปแตะ 60 เหรียญ/บาร์เรลได้ แต่ความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันก็ดูจะเป็นปัจจัยลบที่กดดันราคาอยู่บ้าง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com