การประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนก.ค. ขยายตัวได้ 164,000 ตำแหน่ง ซึ่งออกมาแย่ลงจากข้อมูลในเดือนก่อนหน้าประมาณ 29,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันข้อมูลเดือนมิ.ย.ก็ถูกปรับทบทวนลงมาที่ 193,000 ตำแหน่ง ทางด้านอัตราว่างงานออกมาแย่กว่าที่คาด โดยยังทรงตัวเท่าเดิมที่ 3.7%
ทั้งนี้ การประกาศข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนรอบใหม่มูลค่า 3 แสนล้านเหรียญในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และทำให้ตลาดกลับมาเก็งกระแสเฟดลดดอกเบี้ยก.ย.นี้
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน 0.76% ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าลงไปทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ 3 ม.ค.ที่ระดับ 106.5 เยน/ดอลลาร์ ทางด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.22% มาที่ 1.1109 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 98.106 จุด หลังจากไปทำระดับสูงสุดแถว 98.7 จุดในสัปดาห์ที่แล้ว
· เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group เผย โอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นมาที่ 98.1% จากสัปดาห์ที่แล้วที่อยู่ที่ระดับ 56.2%
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลง หลังจากที่นายทรัมป์ ตั้งเป้าจะหั่นภาษีสินค้าจีนในเดือนก.ย. ที่ดูจะจุดประกายความตึงเครียดของสงครามการค้าที่เกิดขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 1.867% และไปทำระดับต่ำสุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2016 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปี ปรับลง 2.406%
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการทำข้อตกลงการค้ากับทางอียู เพื่อเพิ่มการจำหน่ายเนื้อวัวอเมริกันให้แก่ทุกประเทศสมาชิกในอียู พร้อมกันนี้ นายทรัมป์ ระบุถึงการจะลงนามในข้อตกลงเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าในยุโรป ขณะที่อียูจะเปิดตลาดมากขึ้นแก่เกษตรกรสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯสามารถส่งออกเนื้อวัวปลอดภาษีไปยังอียูเพิ่ม 46% ในปีแรก หรือคาดว่าจะเห็นสหรัฐฯส่งออกเนื้อวัวไปยังอียูได้เกือบ 420 ล้านเหรียญ จากเดิมที่ 150 ล้านเหรียญ
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเกือบ 3% ท่ามกลางการรีบาวน์ครั้งใหญ่จากระดับต่ำสุดรายวันในรอบหลายปี หลังจากที่นายทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีจีน ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. ที่อาจส่งผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบ
น้ำมันดิบ WTI ปิด +1.71 เหรียญ หรือ +3.2% ที่ระดับ 55.66 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดเกือบ 8% ซึ่งเป็นการสูญเสียรายวันในรอบกว่า 4 ปี