· ราคาทองคำปรับสูงขึ้นต่อเกือบ 1% ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่ขยายตัวรุนแรง ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้บรรดานักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองคำปรับสูงขึ้น 0.8% แถว 1,451.37 เหรียญ ทำระดับสูงสุดที่ 1,455.26 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2013
ด้านราคาสัญญาทองคำปรับสูงขึ้น 0.5% แถว 1,464.50 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ระบุว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่าราคาทองคำได้รับแรงหนุนมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มที่บรรดาธนาคารกลางจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจึงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
· ปัจจัยหนุนทองคำที่สำคัญที่สุด คือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และยังมีแนวโน้มที่จะหนุนราคาให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ได้อีก แม้สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง อาจไม่เลวร้ายเท่าที่ตลาดคาด แต่ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่ตลาดโลกกังวล
· เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯที่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% เป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ
การตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีอาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เฟดหรือธนาคารกลางอื่นๆต้องพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ เพื่อป้องกันเศรษฐกิจจากความเสี่ยงของสงครามการค้า
· การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยที่หนุนกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งภายในเดือน ก.ย. หลังการประชุมครั้งที่ผ่านมา เฟดเพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ
· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จึงยิ่งหนุนราคาทองคำต่อในวันนี้
· มุมมองของตลาดต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกยังย่ำแย่ลง หลังจากข้อมูลภาคบริการของจีนเดือน ก.ค. ประกาศออกมาชะลอตัวลงด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 5 เดือน แม้ข้อมูลการส่งออกจะประกาศออกมาขยายตัวขึ้นได้ดีก็ตาม
· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures ประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำระยะสั้นเป็นขาขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของตลาด ความกังวลต่อการเติบโต ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะ Risk-off
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งในวันนี้
· ในเชิงเทคนิค นักวิเคราะห์จาก Reuters ประเมินว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวในกรอบ 1,461 – 1,474 เหรียญ
· กองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นอีก 0.36% สู่ระดับ 830.76 ตัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อในช่วงเปิดตลาดยุโรปวันนี้ โดยขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่บริเวณ 1,459 – 1,460 เหรียญ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังคงปรับลดลงต่อตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ จึงยืนยันได้ถึงทิศทางขาขึ้นของราคาทองคำ นับตั้งแต่ที่ราคาสามารถผ่านแนวต้านเดิมที่ระดับ 1,445 – 1,448 เหรียญมาได้ สำหรับเป้าหมายระยะยาว มองไว้ที่ 1,500 เหรียญ ซึ่งราคามีโอกาสขึ้นไปถึงได้มากขึ้นเรื่อยๆ
· แบบสำรวจทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้โดย Kitco เผย ทั้งบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนทั่วไป มองราคาทองคำเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นโดยสมบูรณ์ ท่ามกลางตลาดการเงินที่เผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์จาก LaSalle Futures Group ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำเผชิญแรงกดดันและทำท่าว่าจะกลับตัวเป็นทิศทางขาลงในระยะสั้น แต่ทองคำก็สามารถพิสูจน์ได้ ทิศทางขึ้นนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า
หลังจากการประชุมเฟดผ่านพ้นไป ปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองคำคือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งราคาทองคำจะทยอยปรับขึ้นต่อไปได้ โดยมีฐานที่ระดับ 1,400 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก FXStreet มองว่า ราคาทองคำเป็นภาวะขาขึ้น โดยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากกรณี Trade War ทึ่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน
ดังนั้น จึงแนะนำให้จับตาดูบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 127.2% ที่จะมีเป้าหมายพุ่งขึ้นมาที่ 1,560 เหียญ ขณะเดียวกัน ณ ขณะนี้ ราคาทองคำก็มีการซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ย MA 20 วัน และเส้น Fibo 78.60%
· บรรดากองทุนเฮดฟันด์และนักบริหารเงินเพิ่มการถือครองสถานะ Long ในสัญญาทองคำตลาด COMEX เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 1.5% แถว 16.045 เหรียญ ส่วนราคาแพลทินัมปรับสูงขึ้น 1.1% แถว 851.98 เหรียญ
· ราคาพลาเดียมปรับวสูงขึ้น 0.1% แถว 1,404.87 เหรียญ
Thai
Eng