· รายงานจาก CNBC ระบุว่า หลังจากที่สหรัฐฯเผยแผนภาษีครั้งใหม่ ก็ดูเหมือนจีนจะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อเทียบดอลลาร์ในรอบกว่า 10ปีเมื่อวานนี้ และการแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีนเมื่อวานนี้ก็ดูจะเกิดขึ้นควบคู่กับการอ่อนค่าของเงินหยวนในเวลาเดียวกัน จึงทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวตำหนิผ่านทางทวิตเตอร์ โดยระบุว่า จีนกำลังปั่นค่าเงิน พร้อมถามว่าเฟดฟังอยู่หรือเปล่า ต่อการการฝ่าฝืนครั้งสำคัญที่จะทำให้จีนอ่อนแอลงอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป
และนายทรัมป์ ยังมีการทวีตข้อความกล่าวหาจีนว่ากำลังปั่นค่าเงิน โดยระบุว่า จีนปล่อยให้หยวนดิ่งลงใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งนี้เรียกว่า 'การปั่นค่าเงิน และการทำแบบนี้ถือเป็นการขโมยภาคธุรกิจรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ค่าแรง ผลเสียต่อราคาเกษตรกรต่อพวกเรา ดังนั้น พวกเขาจึงต้องจ่ายค่าเสียหายผ่านการขึ้นภาษีนับหมื่นล้านเหรียญ
ถึงแม้ทางการจีนจะยืนยันทีจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ แต่สงครามการค้าของสองประเทศนับตั้งแต่ปีที่แล้วก็ดูจะลุกลามและบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด ประกอบกับผลประกอบการภาคบริษัท และกระทบถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตีรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวตำหนิจีน โดยระบุว่า จีนได้กระทำการปั่นค่าเงิน ด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งจีนมีประวัติมาอย่างยาวนานในเรื่องการแทรกแซงตลาดค่าเงินด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าเกินจริง และเมื่อไม่นานมานี้ จีนก็ได้ใช้มาตรการเชิงรุกด้วยการปล่อยหยวนให้อ่อนค่าลงอีก พร้อมกับรักษาเม็ดเงินจำนวนมากในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
· หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ข่มขู่จะขึ้นภาษีจีนรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด จีนได้ตอบโต้ด้วยการลดค่าเงินของหยวนอ่อนค่าหลุดระดับสำคัญ
ผลที่ตามมาคือการที่บรรดานักลงทุนเลี่ยงการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง และหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น พันธบัตร ท่ามกลางความกังวลว่าทั้งสองประเทศจะไม่สามารถหาข้อตกลงการค้าร่วมกันได้อีกต่อไป
ตลาดจะจับตาว่านายทรัมป์จะมีการโต้ตอบเช่นไร โดยเฉพาะหลังจากช่วงปิดตลาดสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์มีมุมมองว่า จีนมีหลากหลายวิธีที่จะใช้ควบคุมค่าเงินหยวน ไม่ว่าจะเป็นการบีบตลาดฮ่องกงด้วยอัตราดอกเบี้ย การเพิ่ม Margin สำหรับการเปิดสถานะในตลาด รวมไปถึงการกำหนดค่า Reference ของเงินหยวน แต่ทั้งหมดนี้ก็ตรงตามที่สหรัฐฯเคยกล่าวหาไว้ คือ ตลาดจีนมักขาดความโปร่งใส
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จีนจะปฏิเสธการเจรจาการค้ารอบต่อไป ซึ่งมีกำหนดการไว้เดือน ก.ย. ขณะที่ตลาดก็จะเผชิญแรงกดดันต่อไป หากสงครามการค้ายังยืดเยื้อ
· ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดแตะ 7 หยวน/ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 โดยจีนมีการปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปอย่างมากเมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลเกี่ยวกับ Trade War
ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะ 7.1265 หยวน/ดอลลาร์ ทำ All-Time Low ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าลง 0.3% แตะ 105.61 เยน/ดอลลาร์ หลังจากไปทำแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนม.ค. บริเวณ 105.51 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ปรับแข็งค่าขึ้นที่ 1.1238 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่ 19 ก.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจาก 98จุด มาที่ 97.234 จุด
กลุ่มนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและกลับถือสินทรัพย์ปลอดภัยแทน จึงเห็นค่าเงินเยนปรับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ค่าเงินระดับสูงของญี่ปุ่นเผยว่า ญี่ปุ่นพร้อมจะทำการแทรกแซงค่าเงิน หากเยนแข็งค่ามากเกินไปและกระทบกับการส่งออกภายในประเทศ
ภายหลังจากที่วันศุกร์จีนเผยถึงการจะตอบโต้การตัดสินใจรอบล่าสุดของนายทรัมป์ เมื่อวานนี้นายทรัมป์ ก็ตำหนิการอ่อนค่าของจีนเป็นการละเมิดครั้งสำคัญ และยิ่งจุดประกายความตึงเครียดของสองประเทศให้ทวีคูณ ขณะที่นายทรัมป์ดูจะคาดหวังและกดดันให้เฟดดำเนินการเพื่อให้ดอลลาร์อ่อนค่ามากยิ่งขึ้น หรืออาจมีการแทรกแซงเกิดขึ้นได้ โดยหลังจากที่นายทรัมป์กล่าวถึงเฟดในการต้องการเห็นดอลลาร์อ่อนค่า ก็ดูค่าเงินดอลลาร์จะตอบรับและร่วงลงมา 0.86% เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง จากเทรดเดอร์ที่คาดหวังจะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในปีนี้
· เครื่องมือ FedWatch ของ CME ชี้ว่า มีโอกาส 100% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยการลดดอกเบี้ยด้วยอัตรา 0.50% มีโอกาสถึง 30% จากคาดการณ์เดิมในวันศุกร์ที่ 1.5%
· รายงานล่าสุดจาก CNBC ระบุว่า จีนมีการกำหนดค่ากลางเงินหยวนแข็งค่ากว่า 7 หยวน/ดอลลาร์
หลังจากที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าหลุดเหนือระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ไปเมื่อวานนี้ ล่าสุด ธนาคารกลางจีนได้ประกาศตั้งค่ากลางของเงินหยวนเช้านี้ไว้ที่ระดับ 6.9683 หยวน/ดอลลาร์
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่า 1.74% ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2016 หลังจากที่จีนมีท่าทีจะตอบโต้สหรัฐฯในประเด็นสงครามการค้า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับลงแตะ 2.293% ทางด้านอัตราผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี ปรับตัวลงแตะ 1.581%
· ค่าเงินบิทคอยน์พุ่งขึ้น 9% ในฐานะ Safe-Haven และทำให้ราคาพุ่งเหนือ 11,000 เหรียญได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. ไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 11,860 เหรียญตามอ้างอิงจาก Coin Desk
บรรดานักวิเคราะห์ มองว่า บิทคอยน์เข้าสู่สภาวะสินทรัพย์ปลอดภัยจากกลุ่มนักลงทุนที่หันมาถือครองค่าเงินดิจิทัลในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมากยิ่งขึ้น
· ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดร่วงลงกว่า 3% จากความกังวลเรื่อง Trade War สหรัฐฯและจีนที่จะจำกัดอุปสงค์ความต้องการน้ำมันจากสองประเทศที่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยน้ำมันดิบ Brent ปิด -2.08 เหรียญ หรือ -3.36% ที่ระดับ 59.81 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด -97 เซนต์ หรือ -1.74% ที่ระดับ 54.69 เหรียญ/บาร์เรล