· ค่าเงินเยนกับสวิสก์ฟรังก์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ ทำการปรับลดดอกเบี้ยลงเกินคาดสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% จึงยิ่งจุดประกายความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ธนาคารกลางอินเดียและไทยก็มีการหั่นดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน จึงดูเป็นการสอดประสานกันถึงแนวโน้มธนาคารกลางทั่วโลกว่าจะปรับมาใช้นโยบายผ่อนคลาย และนั่นเป็นสิ่งที่นักลงทุนกังวล
ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ร่วงลง 1.1% ที่ระดับ 0.645 เหรียญ ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าลงตามจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะหั่นลดดอกเบี้ยเร็วและมากกว่าที่คาด โดยค่าเงินออสเตรเลียปรับลงทำต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2009 ที่ 0.6678 เหรียญ
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.39% ที่ระดับ 106.03 เยน/ดอลลาร์ โดยยังคงใกล้ระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 8 เดือนที่ทำไว้เมื่อวันอังคารบริเวณ 105.51 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง แต่ก็ยังคงใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 11 ปี เมื่อเทียบกับวันก่อน โดยค่าเงินหยวนยังอ่อนค่า 0.52% ไปที่ 7.0891 หยวน/ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.608 จุด หลังเมื่อวานทำต่ำสุดที่ 97.5 จุด
· Breaking News จาก CNBC ระบุว่า ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนวันนี้ที่ระดับ 7.0039 หยวน/ดอลลาร์ ก็ยังถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่เม.ย. ปี 2008
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะ 1.595% ซึ่งเป็นต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายก.ย. ปี 2016 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี เคลื่อนไหวใกล้ All-Time Low ในปี 2016 แถว 2.12% ท่ามกลางนักลงทุนที่ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงจากเทรดเดอร์ที่กังวลต่อภาวะสงครามการค้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับลดลงใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อคืนนี้ปรับลดลง 0.036% ทำระดับต่ำสุดที่ 2.123% ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 2.234% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจจากการชะลอตัว
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกต่างปรับลดลง โดยเฉพาะของเยอรมนีที่ทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางการที่บรรดาธนาคารกลางในเอเชียต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ประกอบกับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
· ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า หากเฟดยอมแพ้ต่อแรงกดดันทางเมือง และทำการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ภายในปีนี้ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สูญเสียสถานะค่าเงินที่มีอำนาจมากที่สุดในตลาดโลกไป
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กว่า 40% มีมุมมองว่า แม้ว่าการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะไม่ได้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมากนัก เนื่องจากความต้องการค่าเงินดอลลาร์ในตลาดยังคงแข็งแกร่ง แต่การเปลี่ยนแปลงแนวทางดำเนินนโยบายใดๆของเฟดหลังจากนี้ จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ได้อย่างมาก
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จุดยืนที่แข็งกร้าวต่อการค้ากับประเทศจีนของเขา ในท้ายที่สุดจะเป็นผลประโยชน์แก่เศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าทางรัฐบาลจีนจะส่งสัญญาณว่าอาจโต้กลับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯด้วยการจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธที่ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าที่หลากหลายตั้งแต่ iPhone ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการทหารก็ตาม
ขณะที่ทางทำเนียบขาวยังคงคาดการณ์ว่า จีนจะกลับมาเจรจาร่วมกับสหรัฐฯในเดือน ก.ย. ตามกำหนดการเดิม และอาจสามารถเลี่ยงการขึ้นภาษีของสหรัฐฯที่ข่มขู่ครั้งล่าสุดไปได้ หากทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า แม้โอกาสที่จะเกิดข้อตกลงจะค่อนข้างริบหรี่หลังการข่มขู่ขึ้นภาษีครั้งล่าสุดก็ตาม
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดการณ์ว่า สหรัฐฯและจีนจะไม่สามารถหาข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือน พ.ย. ปี 2020 ไปเสียก่อน
· นายแกรี ล็อค อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีนในช่วงปี 2011 – 2014 มีมมุมองว่า หากสหรัฐฯยกเลิกการกดดันประเทศจีนและหันมาเจรจาหาจุดยืนร่วมกันกับประเทศจีน นั่นจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่า
· นายเฟรด เบอร์สเตน อดีตเจ้าหน้าอาวุโสประจำกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มุมมองว่า ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะผลักดันให้นายทรัมป์พิจารณาเลื่อนการขึ้นภาษีจีนในวันที่ 1 ก.ย. ออกไป
· ภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเกษตรกรของสหรัฐฯ แต่ยังรวมไปถึงกรณีพิพาทกันในเรื่องของยอดขาดดุลทางการค้า, การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการถ่ายโอนข้อมูลเทคโนโลยีที่ดูจะกลับมาตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนทั่วโลก
ผลสำรวจส่วนใหญ่ต่างชี้ว่า Trade War ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ ซึ่งตอนนี้ สินค้าถั่วเหลือง, เนื้อหมู, หรือผลิตภัณฑ์จากนำ ก็ดูจะได้รับผลกระทบจากการที่ถูกจีนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯสูงถึง 1.10 หมื่นล้านเหรียญ
ขณะที่ปัจจุบัน สหรัฐฯมีการเก็บภาษีนำเข้าจีน 25% ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ และยังไม่มีความตั้งใจใดๆของนายทรัมป์ ที่สะท้อนว่าจะถอยหรือลดระดับกำแพงภาษีจีน มีแต่ความตั้งใจที่จะเดินหน้าขึ้นภาษีใหม่ โดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดตามา ประกอบกับการเจรจารอบใหม่ที่ถูกกำหนดในเดือนก.ย.นี้
· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Nomura กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังจะเห็นจีนเตรียมพร้อมยอมรับต่อภาวะเศรษฐกิจขาลง รวมทั้งภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก เพื่อเป็นการสกัดการกลับมาลงสมัครเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์
หัวหน้านักวิเคราะห์จาก UBS ระบุว่า จีนอาจมุ่งเป้าไปยังกลุ่มเกษตรกรสหรัฐฯ โดยจะจำกัดการเข้าซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯต่อ ท่ามกลางความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะขึ้นอยู่กับนายทรัมป์ เพื่อส่งผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งของเขาในปี 2020
หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก DWS Group มองว่า จีนอาจเฝ้ารอคอยการเปลี่ยนแปลงผู้นำสหรัฐฯ และหากจำเป็นจีนจะเดินหน้ามาตรการที่มุ่งเป้าต่อการยุติบทบาททางการเมืองของนายทรัมป์ ในการลงชิงตำแหน่งสมัยที่ 2 แม้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นการสร้างความเสี่ยงและความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงิน
อย่างไรก็ดี CNBC ระบุว่า นายทรัมป์ รู้ดีถึงความตั้งใจของจีน จึงทำให้เขากล่าวเตือนว่า หากเขาได้รับชัยชนะสมัยที่ 2 และจีนยังหาข้อตกลงไม่ได้จะเจอกับความเข้มงวดที่เพิ่มมากขึ้น
· รานงานจาก Xinhua ระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังเขียนร่างนโยบายเศรษฐกิจใหม่ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับการค้าขายระหว่างประเทศ และช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศที่เกิดจากสงครามการค้าร่วมกับสหรัฐฯ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีและผลักดันออกไปสู่นานาประเทศ
· กระทรวงต่างประเทศแห่งประเทศจีน กล่าวตอบโต้กรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระงับการดำเนินการทางทรัพย์สินร่วมกับเวเนซุเอลา ว่าการการดำเนินการที่ขัดแย้งกับพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นการดำเนินแทรกแซงที่ “น่ารังเกียจ”
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจีนยืนยันว่าจะคงความร่วมมือกับรัฐบาลเวเนซุเอลาต่อไป พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดการกระทำที่ขัดแย้งกับกฎหมายระหว่างประเทศหรือหยุดสร้างความขัดแย้งเสีย
· รายงานจาก Nikkei ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะอนุมัติให้กลับมาส่งออกวัตถุดิบสำหรับเซมิคอนดักเตอร์บางส่วนให้กับเกาหลีใต้อีกครั้ง ซึ่งเป็นการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการส่งออกครั้งแรกของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ประกาศควบคุมการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวในเดือน ก.ค.
ทั้งนี้ ทางกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น น่าจะมีประกาศอย่างเป็นทางการตามมาภายในวันนี้
· ธนาคารกลางนิวซีแลนด์สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเมื่อวานนี้ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% รวมถึงส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายแบบสุดโต่ง หรือการลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง
· ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงกว่า 4% ทำต่ำสุดรอบ 7 เดือน อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ประกอบกับความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันจะชะลอตัวจากความตึงเครียดของสงครามการค้า
น้ำมันดิบ Brent ปิด -4.4% ที่ 56.35 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นปิดต่ำสุดรอบ 7 เดือน ขณะที่ราคาร่วงลงมาแล้วกว่า 20% นับตั้งแต่ทำ High เมื่อเดือนเม.ย.
น้ำมันดิบ WTI ปิด -4.7% ที่ระดับ 51.09 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ช่วงต้นตลาด น้ำมันดิบดิ่งจากความกังวลเรื่อง Trade War และปรับตัวลงต่อเมื่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบปรับขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2% สูงกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 5 ปี ในเวลานี้