• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2562

    13 สิงหาคม 2562 | Economic News

· เมื่อวานนี้ค่าเงินดอลลาร์อยู่ในระดับทรงตัว ท่ามกลางค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโรที่ปรับแข็งค่าขึ้นมาได้ระดับปานกลาง แม้ว่าจะมีการปรับอ่อนค่าลงตลอดเดือนนี้ก็ตาม โดยค่าเงินปอนด์เมื่อวานนี้ขยับขึ้น 0.37% ที่ระดับ 1.208 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.17% ที่ระดับ 1.1219 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางตลาดที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดของหลายๆแห่ง

ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 97.39 จุด หลังจากที่ช่วงต้นอ่อนค่าลงจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับความยืดเยื้อของสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดตั้งมี.ค. ปี 2018 ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย จากข้อขัดแย้งทางการค้าที่อาจเพิ่มขึ้นและยืดเยื้อ โดยค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมา 0.38% ที่ระดับ 105.26 เยน/ดอลลาร์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ยังคงยืนยันมุมมองว่าสหรัฐฯและจีนจะไม่มีทางเจรจาทำข้อตกลงกันได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2020 ซึ่งทาง Goldman Sachs ก็มีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯลง เนื่องจากมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่สงครามการค้าจะฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยได้

ตลาดรอคอยข้อมูลยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนที่จะประกาศในวันพุธนี้ ว่า Trade War จะส่งผลกระทบกับกิจกรรมภายในประเทศจีนอย่างไร

กลุ่มนักลงทุนกำลังรอฟังเฟดในการประชุมธนาคารกลางประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อมองหาความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย ซึ่งตลาดคาดเห็นเฟดลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในช่วงสิ้นปีนี้

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลงท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังคงปรับตัวลงมาแถว 1.63% และอัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาเคลื่อนไหวแถว 2.127%

ในส่วนของเสปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี และ 10 ปี เคลื่อนไหวแคบๆเพียง 0.05% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2007

· เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางจีน เผยถึงการเตรียมปล่อยค่าเงินสกุลดิจิทัลโดยรองหัวหน้าฝ่ายการชำระเงินของ PBOC เผยว่า ธนาคารกลางเตรียมเปิดตัวค่าเงินในเร็วๆนี้ แม้ว่าประเทศจะยังคงห้ามและค้าสินทรัพย์ประเภท Crypto Currency

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ความตึงเครียดทางการค้าและสัญญาณทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ดูจะส่งผลให้เฟดต้องเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้นและอาจเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยกลับมาใกล้กับระดับศูนย์ได้

โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์ ณ ขณะนี้ มองโอกาสที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยลงเป็นจำนวน 3 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ควบคู่กับการเคลื่อนไหวอีกหลายครั้งในปี 2020 จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าธนาคารกลางสามารถขจัดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้

ทางด้าน Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯลง 0.2% ทางด้าน Bank of America Merrill Lynch มองว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นจะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า

· ผู้ช่วยผู้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียระบุว่า การปรับลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 1% เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาของธนาคารกลาง รวมถึงการส่งสัญญาณที่จะปรับลดลงอีก ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยเหลือและผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยเชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายของธนาคารกลาง “จะได้ผลตามที่ควร”

· ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินา และค่าตลาดหุ้นร่วงลงหลังจากที่ประธานาธิบดีมอริซิโอ ผู้นำพรรคฝ่ายขวาจัดทำคะแนนเลือกตั้งขั้นได้ไม่ดีนัก และส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเดือนต.ค. หรือไม่

ทั้งนี้ตลาดหุ้นอาร์เจนตินาดิ่งลงไปกว่า 30% ในวันนี้ ขณะที่ค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงเกือบ 25% มาแถว 59 เปโซ/ดอลลาร์

· นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ กล่าวกับนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ว่าสหรัฐฯจะตั้งตารอการถอนตัวออกจากอียูแบบ No-deal ของอังกฤษในวันที่ 31 ต.ค. หากนั่นเป็นสิ่งที่อังกฤษต้องการจริงๆ และสหรัฐฯจะผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ-อังกฤษโดยเร็ว

ขณะที่นายบอริสยังคงยืนยันว่าจะผลักดันให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียูตามกำหนดการเดิม คือวันที่ 31 ต.ค. ไม่ว่าจะหาข้อตกลงได้หรือไม่ก็ตาม

สำหรับความเคลื่อนไหวของการเจรจาระหว่างอังกฤษและอียู พบว่า ทางนายกฯอังกฤษกำลังเสาะหาความเป็นไปได้ที่จะถอนตัวออกก่อนกำหนดการเดิมในวันที่ 31 ต.ค. แต่ทางอียูยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการโดยเด็ดขาด พร้อมระบุว่า ข้อตกลงบางส่วนที่นายกฯอังกฤษเสนอมา จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงความเชื่อมั่นว่า อียูจะยอมแพ้ในนาทีสุดท้ายและทำข้อตกลง Brexit กับอังกฤษ เพื่อช่วยเหลือไอร์แลนด์ที่อาจได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดหากเกิดกรณี No-deal Brexit

· สนามบินนานาชาติฮ่องกงกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง โดยมีประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ หลังถูกกดดันโดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาลจีนนับร้อยปักหลักอยู่ในในบริเวณห้องโถงหลักเป็นเวลาถึง 2 วัน แม้ว่าบางสายการบินจะยังคงได้รับผลกระทบและระงับการเดินทางเข้า-ออกฮ่องกงเป็นการชั่วคราวอยู่ก็ตาม

· รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า จะลบชื่อประเทศญี่ปุ่นออกจาก “White List” ซึ่งเป็นสถานะทางการค้าระหว่างประเทศที่รวดเร็ว ออกภายในเดือน ก.ย. เพื่อตอบโต้กรณีที่ญี่ปุ่นลบชื่อเกาหลีใต้ออกจาก White list ของพวกเขาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ขณะที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่มีการออกมาตอบโต้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่กระทรวงต่างประเทศแห่งญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะไม่ได้รับผลกระทบโดยทันทีแต่อย่างใด

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้น แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลมากขึ้นต่อภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ควบคู่กับปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันที่อาจจะปรับลดลง

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 0.02% ที่ระดับ 58.53 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิด +0.8% ที่ระดับ 54.93 เหรียญ/บาร์เรล 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com