• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2562

    13 สิงหาคม 2562 | SET News



· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับลง ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะขาลงในเดือนส.ค. จึงยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ร่วงลงทำต่ำสุดตั้งแต่ปี 2016 ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 1.63% ขณะที่เสปรดของอัตราผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี และ 10 ปี เคลื่อนไหวกรอบแคบๆเพียง 0.06 จุดเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่แคบที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007


ดาวโจนส์ปิดร่วงลงต่ออีก 391 จุดวานนี้ หรือ -1.49% หลังจากที่วันจันทร์ปิดลบไป 90.75 จุด โดยล่าสุดดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 25,896.44 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -36.21 จุด หรือ -1.24% ที่ระดับ 2,882.44 จุด และดัชนี Nasdaqปิด -1.2% ที่ระดับ 7,863.41 จุด โดยร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางแรงเทขายที่กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา


หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านหุ้นจาก Morgan Stanley กล่าวว่า ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะขาลง และหลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้ว S&P500 ล้มเหลวในการ Breakout ระดับสำคัญ จึงยิ่งยืนยันว่าตลาดกลับเข้าสู่สภาวะขาลง


หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง โดย Bank of America และ Goldman Sachs ปิดลดลงไปกว่า 2% ขณะที่ J.P. Morgan ปิด -1.87% ขณะที่ SPDR S&P Bank ETF ปิด -2.1%


ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงที่ฮ่องกง ซึ่งกลุ่มนักลงทุนคาดว่าอาจยิ่งทำให้ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นยิ่งย่ำแย่ลง โดยที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกทุกสายการบิน หลังกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักรวมตัวกัน และยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในประเทศดูจะตึงเครียดมากยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลด้านความเสี่ยงทางการเมืองจากผลการเลือกตั้งของอาร์เจนตินาที่ดูจะสร้างเซอร์ไพร์สแก่ตลาด หลังนายมอริซิโอ ผู้นำพรรคฝ่ายขวาจัดดูจะได้คะแนนเสียงไม่ดีในการเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Election) และผลที่ตามมาจึงเห็นค่าเงินเปโซและหุ้นอาร์เจนตินาลดลงไปกว่า 30%

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาดูความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับลงเกือบ 0.3% หลังจากที่ปรับขึ้นมาเกือบ 1% ในช่วงต้นตลาด โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง นำโดย CYBG ที่ปิด -5%

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลง ท่ามกลางท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงที่กลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งในวันนี้ หลังจากที่ปิดและยกเลิกทุกเที่ยวบินจากเหตุประท้วง และดูเหมือนเหตุประท้วงในฮ่องกงจะมีความวุ่นวายมากขึ้นนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.48% ในช่วงต้นตลาด และดัชนี Topix เปิด -1.41% ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.63% ขณะที่ S&P/ASX200 เปิด -0.31


ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.26%


นักลงทุนจับตาการประกาศค่ากลางเงินหยวนในเช้านี้ ท่ามกลางธนาคารกลางจีนที่มีการกำหนดค่ากลางเงินหยวนไว้เหนือระดับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 7 หยวน/ดอลลาร์เป็นวันที่ 3 เมื่อวานนี้ ซึ่งดูเหมือนค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าเหนือ 7 หยวน/ดอลลาร์ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และกระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าวหาว่าจีนมีการปั่นค่าเงินหยวน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 30.60 - 31.00 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทค่อนข้างแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทมากนัก แต่ทั้งนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มไปในทิศทางที่แข็งค่าเช่นเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคสำหรับปัจจัยที่จะมีผลในสัปดาห์หน้ายังคงเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่สำคั

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/62 อยู่ที่ 4.2% ลดลงจาก 5.6% ในไตรมาสก่อน สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การปล่อยสินเชื่อลดลงตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวสินเชื่อปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน หรือขยายตัวไม่ถึง 6%

- ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เข้าพบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือถึงปัญหาด้านการค้าการลงทุนต่างๆ โดยได้มีข้อเสนอต่อ ธปท.ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่าอยู่ และให้ดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุน ดูเงินไหลเข้าไหลออก หากพบสัญญาเก็งกำไรให้มีมาตรการดูแล

- ธปท. สภาหอการค้าฯ และ ส.อ.ท.จะร่วมกันผลักดันผ่านธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบการให้เลือกใช้เงินบาทหรือLocal Currency มากขึ้น รวมทั้งเห็นพ้องกันในการสนับสนุนให้ภูมิภาคมี Payment Connectivity เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ และค่าใช้จ่ายของแรงงานในการโอนเงินกลับประเทศ

- รมว.พาณิชย์ไทย ประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่ายหอการค้าไทย หอการค้า 76 จังหวัด หอการค้าต่างประเทศ สมาคมการค้า และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC)โดยมีควาเมห็นร่วมกันตั้งวอร์รูมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน ซึ่งจะมีผู้แทนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยด้วย เพื่อติดตามสถานการณ์หาทางออกร่วมกันเพื่อเดินหน้าการค้าของประเทศไทยสู่ตลาดโลก และมีความเห็นร่วมกันที่จะเร่งรัดการส่งออก โดยจะมีคณะทำงานเจาะลึกการส่งออกทั้งรายสินค้า-บริการและรายตลาด ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปสนับสนุนเป็นทัพหนุน และให้เอกชนเป็นทัพหน้าตามแนวที่ให้ไว้

- รมว.คลังไทย กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพวินัยการเงินการคลังของประเทศว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือในเบื้องต้นแล้วว่ามีความจำเป็นเพราะระบบการเงินของประเทศมีความเชื่อมโยงกันหมด ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และการลงทุนโดยตรง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com