· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการออกไป จึงบรรเทาความตึงเครียดเกี่ยวกับความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยดัชนี MSCIที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.8%
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเมืองเช่นความไม่สงบในฮ่องกงยังคงทำให้นักลงทุนยังคงชะลอการลงทุนต่อไป
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการชะลอการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ตัดสินใจเลื่อนการขึ้นภาษีจีนออกไป เพราะเป็นห่วงว่าจะกระทบการซื้อขายในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ พร้อมระบุว่าทางจีนดูต้องการจะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯมากทีเดียว
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.0% ที่ระดับ 20,655.13 จุด ฟื้นตัวเกือบ 1.1% หลังจากร่วงลงไปเมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.9% ที่ระดับ 1,499.50 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯประกาศเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อย่างไรก็ดีการเพิ่มขึ้นยังคงถูกจำกัดเนื่องจากถูกกดดันจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอจึงส่งผลกระทบต่อความกังวลเกี่ยวกับกับสภาพของเศรษฐกิจ
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.4% ที่ะรดับ 2,808.91 จุด
· ตลาดยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมุมมองการเติบโตของเยอรมันนีอ่อนแอและข้อมูลจีนที่ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ
โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.2% ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และให้การเติบโตกระจายไปอย่างครอบคลุมทั่วถึง ดังนั้นอยากให้ในส่วนของตลาดทุน โดย SET50 เข้ามามีบทบาทในการเป็นหัวหอกเพื่อช่วยพัฒนาการลงทุนของประเทศให้มีศักยภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังต้องการให้ SET50 มาช่วยกันสร้างกระบวนการรับรู้ และความรอบรู้เกี่ยวกับตลาดทุน ตลาดเงินให้แก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อให้ทราบถึงทักษะในการลงทุน และการออมที่เหมาะสม เพื่อไปเชื่อมโยงกับกระบวนการกำกับดูแลที่เป็นธรรมาภิบาลซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ดำเนินการอยู่แล้วให้เป็นเนื้อเดียวกัน
รมว.คลัง เชื่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางตลาดเงินและตลาดทุนในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญคือต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เพราะหากเป็นได้จริงจะช่วยในการปฏิรูปประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้เห็นว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศ ขณะเดียวกันตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องสร้างความน่าสนใจด้วยการเร่งพัฒนาตัวเองด้วย
- นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าบีทีเอส สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า คณะกรรมาธิการฯ มีมติไม่เห็นชอบกับการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (BTS) ที่จะหมดสัญญาลงในปี 2572 ต่อไปอีก 40 ปี