· ค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่าลงในช่วงบ่ายวันนี้ หลังตลาดเริ่มคลายความตื่นเต้นจากข่าวการเลื่อนขึ้นภาษีจีนของสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์ที่มองว่า แม้สงครามการค้าจะมีความคืบหน้าในเชิงบวก แต่หนทางที่สหรัฐฯและจีนจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งลงได้ทั้งหมดยังคงอีกยาวไกล ส่วนการแข็งค่าของเงินเยนบ่งชี้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงยังคงอ่อนแอ
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ประกาศออกมาอ่อนแอวันนี้ เป็นอักปัจจัยที่กดดันค่าเงินหยวน
· นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่า การไร้ซึ่งความขัดเจนเกี่ยวกับสงครามการค้า บ่งชี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเมื่อคืนนี้ จะไม่กลายเป็นการเคลื่อนไหวในระยะยาว ดังนั้นจึงไม่ควรเร่งตัดสินใจใดๆ
· ด้านค่าเงินเยนแข็งค่า 0.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แถว 106.33 เยน/ดอลลาร์ หลังทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ในช่วงก่อนหน้า
· ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.1180 ยูโร/ดอลลาร์ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิขเยอรมนีจะประกาศออกมาอ่อนแอ โดยการขยายตัวของ GDP เยอรมยีรายไตรมาสออกมาค่อน้างตรงกับบที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ภาพรวมรายปียังคงสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
· ตลาดจะจับตาการประกาศข้อมูลการเติบโตของ GDP ยูโรโซนที่จะประกาศในช่วง 16.00 น. วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยคาดว่าจะออกมาทรงตัวที่ระดับ 0.2% ในภาพรายไตรมาส ส่วนภาพรวมรายปีคาดว่าจะขยายตัวได้ 1.1%
· รายงานจาก Kitco ระบุว่า ความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจดูจะสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดการเงิน ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี และ 2 ปี ที่กลับมาเคลือ่นไหวผกผันกันอีกครั้ง แม้ว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนจะปรับสูงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯจะผ่อนผันการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนรอบใหม่ แต่การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวดังกล่าวก็เคลื่อนไหวใกล้บรรจบกัน โดยมีความห่างที่แคบที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007
นักกลยุทธ์ตราสารหนี้ของ TD Securities กล่าวว่า ภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้น ทำให้มองโอกาสได้มากขึ้นมาที่ 55% ที่จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย และอาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในปีนี้ (ช่วงเดือนก.ย. และเดือนต.ค.) รวมทั้งอาจลดดอกเบี้ยได้อีก 0.75% ในปี 2020
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities กล่าวเสริมว่า ความกังวลของภาวะเศรษฐกิจถดถอย มาจากความผกผันกันของอัตราผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว แต่ก็ไม่คาดว่าการผกผันล่าสุดจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมากเท่าไรนัก เพราะจะเห็นได้ถึงประเด็นข่าวใหญ่ๆที่เข้ากระทบให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า
· นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ค่าเงินปอนด์มีการปรับอ่อนค่าลง ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองท่ี่มีความไม่แน่นอน ประกอบกับเหล่าเทรดเดอร์รอคอยข้อมูลเงินเฟ้อ ขณะที่ดอลลาร์แกว่งตัวตามความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นในตลาด อย่างไรก็ดี เหล่าเทรดเดอร์ดูจะมุ่งและให้ความสำคัญไปยังข้อมูล CPI ของอังกฤษ
ทั้งนี้ หากค่าเงินปอนด์หลุดแนวรับ 1.2055 ดอลลาร์/ปอนด์ ก็มีโอกาสจะถูกเทขายกลับลงมาบริเวณ 1.2015 และ 1.2000 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่แนวต้านด้านบนอยู่ที่ 1.2155/ปอนด์
· ข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวลงไตรมาสที่ 2 โดยได้รับผลกระทบจากยอดส่งออกที่ปรับตัวลง ท่ามกลางภาคการผลิตของประเทศที่อ่อนตัวลงจากอุปสงค์ต่างประเทศ ประกอบกับผลพวงของข้อพิพาททางการค้า
สำนักงานสถิติของเยอรมัน เผย จีดีพีเยอรมนีร่วงลงแตะ 0.1% เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากที่ขยายตัวได้ 0.4% ในไตรมาสแรก ขณะที่ภาพรวมรายปีเศรษฐกิจชะลอตัวลงแตะ 0.4% ในไตรมาส 2/19 จากระดับ 0.7% ในไตรมาสแรก
นักวิเคราะห์จาก ING ได้ออกมาตอบรับกับรายงานข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจเยอรมนีที่หดตัวลง 0.1% ไตรมาสที่ 2 ว่า “จุดจบของทศวรรตที่รุ่งเรือง” สำหรับเศรษฐกิจเยอรมนี โดยจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่สิ้นสุดวิกฤติทางการเงินเมื่อปี 2008 – 2009 เศรษฐกิจเยอรมนีสามารถขยายตัวได้เพียง 0.5% ในค่าเฉลี่ยของแต่ละไตรมาส และตลอด 40 ไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้เพียง 35 ไตรมาส
· รายงานข้อมูลการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาด แตะระดับต่ำสุดรอบ 17 ปี จึงสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลง ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าที่เข้ากระทบทั้งภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภค และสิ่งที่ตามมาทำให้เกิดคำถามมากขึ้นว่ากลุ่มผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นหรือไม่ ในสภาวะที่ความเสี่ยงกำลังก่อให้ระดับหนี้เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนชะลอตัวลงแตะ 4.8% ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.พ. ปี 2002
หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจประจำ Macquarie กล่าวว่ าเศรษฐกิจจีนมีความจำเป็ฯต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากความผันผวนยังคงมีค่อนข้างมาก และวันนี้ข้อมูลเศรษฐกิจก็สะท้อนถึงความอ่อนแอตามมา รวมทั้งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงต่อ จึงงน่าจะทำให้กลุ่มผู้กำหนดนโยบายการเงินต้องเพิ่มมาตรการสนับสนุนนโยบายโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าน่าจะเห็นผลดังกล่าวในช่วงสิ้นปีนี้
· รายงานจีดีพีไตรมาสสองของจีนชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 30 ปี ที่ 6.2% ขณะที่ความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจชะลอตัวกดดันภาคการลงทุน ขณะเดียวกันทางการจีนค่อนข้างระมัดระวังกับค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ขณะที่การเติบโตของภาคการก่อสร้างชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด
สัญญาณกาารเติบโตในภาคที่อยู่อาศัยของจีนก็ดูจะไม่แข็งแรงดังเช่นเคย โดยการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดของปีนี้ โดยขยายตัวได้เพียง 8.5% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. จากระดับ 10.1% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดขายบ้านและการเริ่มก่อสร้างใหม่ที่เริ่มชะลอตัวเช่นกัน
ยอดค้าปลีกก็ดูจะขยายตัวอย่างระมัดระวัง ซึ่งหลักฐานส่วนใหญ่ก็บ่งชี้ถึงการชะลอตัวลง ทั้งในยอดขายรถยนต์ ควบคู่ค่าใช้จ่ายในภาคอสังหาริมทรัพย์ในหมวดอุปกรณ์เครื่องใช้ครัวเรือน และเฟอร์นิเจอร์
นักเศรษฐศาสตร์จาก Nomura กล่าวว่า มุมมองเศรษฐกิจยังคงไม่สดใส และน่าจะเห็นการใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงแตะ 6.0% ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ในปีนี้ ซึี่งอยู่กรอบล่างที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้
· โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนมีการกล่าวหาว่า ถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงนางแนนซี เปโลซี โฆษกประจำทำเนียบขาว และนายมิทช์ แมคคอนเนล ประธานวุฒิสภาสหรัฐฯ บ่งชี้ถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของสหรัฐฯที่ต้องการให้ฮ่องกงเข้าสู่ความวุ่นวาย
จริงอยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯมีการกล่าวถ้อยแถลงถึงเหตุความไม่สงบในฮ่องกงที่ขยายความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้กล่าวหาว่า สหรัฐฯจงใจบิดเบือนการประเมินสถานการณ์ในฮ่องกงของพวกเขาเอง เพื่อยุยงให้เกิดเป็นความวุ่นวาย
ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีทวีตข้อความตอบโต้ความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยระบุว่า ไม่น่าเชื่อที่จะมีคนกล่าวหาว่าสหรัฐฯเป็นสาเหตุของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในฮ่องกง
ทั้งนี้ นางแนนซีเคยกล่าวถึงเหตุความไม่สงบในฮ่องกง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ประชาชนฮ่องกงกำลังส่งข้อความให้กับคนทั้งโลก เกี่ยวกับความฝันในอิสรภาพ ความยุติธรรม และความเป็นประชาธิปไตย ข้อความดังกล่าวจึงไม่ควรถูกปิดกั้นด้วยความอยุติธรรมและความรุนแรง”
ทางด้านนายแมคคอนเนล ได้กล่าวไว้ว่า “ประชาชนฮ่องกงยืนหยัดอย่างกล้าหาญ เพื่อต่อต้านความไม่ยุติธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต้องการช่วงชิงอิสรภาพของพวกเขาไป การสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด”
· สำนักข่าวในประเทศจีนเรียกร้องให้รัฐบาลจีนมีการจัดการกับเหตุการณ์ความรุนแรงในฮ่องกงที่เด็ดขาดกว่านี้ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดปะทะกันระหว่างกองกำลังตำรวจกับผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงในพื้นที่สนามบินนานาชาติของฮ่องกง ซึ่งส่งผลให้ผู้รายงานข่าวของสำนักข่าวจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนถูกลูกหลงไปด้วย
· รายงานจากสำนักข่าว Kyodo ระบุว่า รองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะมาพบกันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับประเด็นการใช้แรงงานในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศที่กำลังเกิดขึ้น
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาน่าผิดหวังและสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางการประกาศเลื่อนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ จึงช่วยผ่อนคลายประเด็นความตึงเครียดเกี่ยวกับสงครามการค้า
รายงานข้อมูลการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาด แตะระดับต่ำสุดรอบ 17 ปี จึงสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลง ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าที่เข้ากระทบทั้งภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภค
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.8% ที่ระดับ 60.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.1% ที่ระดับ 56.48 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์การตลาดประจำ CMC Markets ระบุว่า การลดลงของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคทำให้ภาพหลักไม่สดใสและความต้องการพลังงานอาจอยู่ภายใต้แรงกดดัน