· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี เคลื่อนไหวปรับตัวลงต่ำกว่าอายุ 2 ปี จึงยิ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวลเพราะเป็นลักษณะบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีมีการรีบาวน์กลับได้เมื่อวานนี้หลังจากที่ดิ่งลงทำ All Time Low อย่างต่อเนื่อง โดยไปทำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งการเคลื่อนไหวปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนระยะยาวยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่นักลงทุนในการสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกที่ดูจะชะลอตัวลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับลงมาแถว 1.623% ซึ่งต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปีที่อยู่ที่ระดับ 1.634% จึงสะท้อนว่ากลุ่มนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าสำหรับการกู้ยืมผลตอบแทนระยะสั้นมากกว่าระยะยาว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีทรงตัวที่ 2.02% ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวต่ำกว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในอดีตที่ 2.0889% ที่เคยทำไว้ในปี 2016 ช่วงการลงมติ Brexit
· ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในตลาดเอเชียเช้านี้ ท่ามกลางสัญญาณที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ดูจะผลักดันให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อันหมายรวมถึงค่าเงินสวิสฟรังก์ และทองคำที่ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลผกผันกันเป็นครั้งแรกรอบ 12 ปี ขณะที่หุ้นสหรัฐฯเผชิญกับแรงเทขาย
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดยังเปราะบาง หลังข้อมูลเศรษฐกิจยังคงอกมาอย่างน่าผิดหวัง ทั้งจากจีนและเยอรมนี ที่ดูจะได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งถือเป็นประเทศผู้ส่งออกคนสำคัญของโลก
ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาที่ 105.85 เยน/ดอลลาร์ โดยปรับแข็งค่าลงมากว่า 0.8% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับการปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.987 จุด หลังจากที่ปรับขึ้นประมาณ 0.2% วานนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 ปี และ 10 ปี เกิดสภาวะผกผันกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มิ.ย. ปี 2007 เมื่อวานนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.015%
· เช้านี้ ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางของเงินหยวนไว้ที่ 7.0268 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าแข็งค่ากว่าค่ากลางเมื่อวานนี้ แต่ในความเห็นนักวิเคราะห์ก็ยังมองว่าอ่อนค่ามากเกินไป
· ผู้บริหารสถาบัน DoubleLine Capital เตือนว่า การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดจะไม่สามารถช่วยให้สหรัฐฯหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้ “และเมื่อไหร่ก็ตามที่เฟดเข้าสู่โหมดของการผ่อนคลายนโยบาย หมายความว่าเมื่อนั้นสายเกินไปเสียแล้ว”
นอกจากนี้ ตลาดในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่บรรดานักลงทุนกำลังเตือนตัวเองว่า การเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรกำลังส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
· JD.com บริษัท E-commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน มองว่า โอกาสทางธุรกิจด้านโรงงานอุตสาหกรรมของจีนนั้นได้รับผลกระทบจากภาวะตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯและจีน โดยมีการเติบโตที่ลดน้อยลง และมีแรงกดดันทางด้านการแข่งขัน ทั้งเรื่องของราคาและคุณภาพ ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ผลิตจีนก็กำลังมีการเพิ่มราคาสินค้าในการขายให้สหรัฐฯที่มีการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนด้วยมูลค่ามหาศาล และจะเห็นได้ว่า ยอดส่องออกจีนไปยังสหรัฐฯก็มีการปรับตัวลดลงติดต่อกันช่วง 8 เดือน
ในท้ายที่สุดความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นก็จะกดดันกลุ่มผู้ผลิตมากยิ่งขึ้นและทำให้ส่งผลกระทบเข้าสู่ตลาดภายในประเทศได้
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โยงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเข้ากับประเด็นความรุนแรงในฮ่องกง โดยระบุว่าจีนมีท่าทีต้องการที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แต่พวกเขาควรแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในฮ่องกงก่อนดีกว่าหรือไม่
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังส่งสัญญาณต้องการที่จะเจรจากับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อเสนอความช่วยของสหรัฐฯในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในฮ่องกง
ทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯมีความ “กังวลอย่างมาก” กับการเคลื่อนไหวของกองทัพจีนในพื้นที่ชายแดนของฮ่องกง
ถ้อยแถลงของกระทรวงต่างประเทศเกิดขึ้นหลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐสภาสหรัฐฯทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างเรียกร้องให้นายทรัมป์มีการดำเนินการที่เด็ดขาดกับจีนมากขึ้น หลังมีสัญญาณเกี่ยวกับการเข้าแทรกแซงของกองทัพจีนในพื้นที่ฮ่องกงมากขึ้น
· นายเจเรมี โคบลิน หัวหน้าพรรค Labour ฝ่ายค้านในรัฐสภาอังกฤษ ประกาศจะกดดันให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ลงจากตำแหน่ง และจะผลักดันให้เลื่อนกำหนดการของ Brexit ออกไป หากทำสำเร็จก็จะผลักดันให้มีการลงประชามติ Brexit อีกครั้ง เพื่อตัดสินว่าอังกฤษควรดำรงอยู่ในอียูต่อหรือไม่
· ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง 3% หลังข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนและยุโรปออกมาน่าผิดหวังและจุดประกายความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบโลก ประกอบกับรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินคาดติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
น้ำมันดิบ Brent ปิด -3.2% ที่ระดับ 59.36 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงก่อนหน้าได้รับแรงสนับสนุนจากการที่สหรัฐฯและจีนดูมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น และทำให้วันอังคารน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้มากกว่า 4.7% ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นรายวันที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
น้ำมันดิบ WTI ปิด -3.3% ที่ระดับ 55.23 เหรียญ/บาร์เรล หลังปรับขึ้นได้กว่า 4% ในวันอังคาร