* สัญญาณเตือนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่าผลตอบแทนระยะสั้น 2 ปี
* อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เคลื่อนไหวผกผันสะท้อนสัญญาณการมาของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า มีสัญญาณเตือนดังมากขึ้นในตลาดพันธบัตร โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 2% เป็นครั้งแรก และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกติดลบกว่า 16 ล้านล้านเหรียญ ประกอบกับการปรากฎขึ้นมาของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2 ปี และทำให้เกิดการพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 18 เดือน
ทั้งนี้ กระแสคาดการณ์ มีมากขึ้นตั้งแต่ที่ความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯและจีนย่ำแย่ลง และมีสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกเพิ่มากขึ้น โดยเฉพาะล่าสุดที่ข้อมูลเศรษฐกิจของทางจีนและเยอรมนีออกมาอ่อนแอ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ผกผันที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าตำหนิประธานเฟดว่าไม่รู้อะไรเลย
หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดจาก AMP Capital Investors Ltd กล่าวว่า เรากำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และบรรดาธนาคารกลางต่างๆไม่ได้มีมาตรการรองรับเพียงพอ อันเป็นผลสะท้อนครั้งใหญ่จาก Trade War ทีดูจะบดบังสิ่งที่ธนาคารกลางกำลังดำเนินการอยู่ อันจะเห็นได้จากสัญญาณสะท้อนที่เกิดขึ้นในอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลงแตะ 1.9883% ในตลาดเอเชียวันนี้ หลังจากที่ปรับลงมา 15 จุดในวันก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุระหว่าง 2 ปี กับ 10 ปี ก็ดูจะไม่ดีนัก โดยผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับลงต่ำกว่า 2 ปี มาอยู่ที่ 1.5573% ขณะที่ผลตอบแทน 2 ปีเคลื่อนไหวที่ 1.5609%
ข้อมูลเศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ย่ำแย่ ได้ฉุดให้ตลาดพันธบัตรทั่วโลกผันผวน โดยหัวหน้านักกลยุทธ์ด้านอัตราผลตอบแทนของ Goldman Sachs Group ก็มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นการดีนัก
ส่วนคนอื่นๆ ก็จับตามองสัญญาณชี้นำต่อภาวะถดถอยครั้งนี้ หลังเกิดความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือนและ 10 ปี ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนมี.ค.นี้ ที่เคลื่อนไหวติดลบเป็นครั้งแรก และนักลงทุนก็เริ่มคาดการณ์กันถึงสภาวะที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การที่เฟดเดินหน้าเริ่มต้นปรับลดดอกเบี้ย ในขณะที่ผลตอบแทนของทางฝั่งอังกฤษเอง อายุ 2 ปีกับ 10 ปีก็มีความผกผันเช่นเดียวกับสหรัฐฯ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิ การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในครั้งนี้ ในเชิงเป็นความผิดของเฟดที่ตั้งใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป ขณะที่เมื่อมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ดูน้อยเกินไป
ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ดูเหมือนกลุ่มนักลงทุนจะมองว่ามีโอกาสยิ่งเห็นเฟดลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตอนนี้มีคนแห่ถือครองพันธบัตรระยะยาวมากเกินไป จึงเห็นการปรับตัวลงดังกล่าว ซึ่งหากเฟดดำเนินการสนับสนุนในเชิงบวกก็มีโอกาสเห็นอัตราผลตอบแทนระยะยาวปรับตัวขึ้นได้สูงกว่าผลตอบแทนระยะสั้น