• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2562

    16 สิงหาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่อ่อนตัวลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่เป็นสินทรัพย์ Safe-Haven โดยค่าเงินดอลลาร์ได้รับอานิสงส์จากข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด จึงช่วยบดบังความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจกำลังมุ่งเข้าสู่ภาวะถดถอย จากสัญญาณในตลาดพันธบัตรหลังเกิดภาวะผกผันกันเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.11% มาที่ 98.095 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้น 0.42% เมื่อเทียบดอลลาร์จากยอดค้าปลีกอังกฤษที่ดีขึ้นเกินคาด ประกอบกับข่าวที่ว่า หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอังกฤษจะเริ่มกดดัน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเพื่อยับยั้งการออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ดิ่งลงต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรก โดยปรับลงมาบริเวณ 1.941% ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 1.944% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่า 1.5% แตะ 1.475% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ทางด้านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ต.ค. ปี 2017 ที่ระดับ 1.467% 

· กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจกับการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

รายงานจาก The Sevens Report ระบุว่า ภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว ถือเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบที่เกิดในตลาดพันธบัตร ที่ดูเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ระมัดระวังต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ

· นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ภาวะผกผันที่เกิดขึ้นในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสัปดาห์นี้อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่สัญญาณ “ขาลง” ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

· กลุ่มนักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟดอย่างใกล้ชิดที่จะเกิดขึ้น เพื่อรอดูมุมมองต่อการร่วงลงของตลาดหุ้นที่เกิดบขึ้น ประกอบกับความผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรว่าจะนำไปสู่การเห็นเฟดลดดอกเบี้ยเพิ่มหรือไม่

· นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า สัญญาณทางเศรษฐกิจและตลาดการเงินมีความผสมผสานกัน และเขาพร้อมสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเดินหน้าต่อได้ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ทำให้เกิดความระมัดระวังในภาคธรุกิจ ประกอบกับภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบให้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลง และประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวล ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภค

· กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผย ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.7% ขณะที่เดือนก่อนหน้าขยายตัวได้เพียง 0.3% เพราะได้รับอานิสงส์จากยอดค้าปลีกออนไลน์ ร้านขายของชำ ร้านเสื้อผ้าปลีก และสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีขึ้น

· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาดในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาพรวมก็ยังคงมีแนวโน้มเชิงบวก และสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยที่ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้ขอสวัสดิการเพิ่มขึ้น 9,000 คน แตะระดับ 220,000 ตำแหน่ง ขณะที่ค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี หรือมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1,000 คน สู่ระดับ 213,750 ราย

· เมื่อวานนี้ ทางการจีนประกาศจะตอบโต้การขึ้นภาษีมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญของสหรัฐฯ แต่ขณะเดียวกันก็มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯและจีนมีการพบกันคนละครึ่งทางเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ของข้อตกลงทางการค้า ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้จีนใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกง และเชื่อว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสหรัฐจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยเร็ว หากเขามีการพบกันส่วนตัวกับแกนนำการชุมนุม

· นายมารีซีโอ เมาครี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ที่สูญเสียคะแนนเสียงในการเลือกตั้งขั้นต้น ประกาศที่จะยุติภาษีการขายในกลุ่มสินค้าด้านอาหารจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อหวังกอบกู้คะแนนเสียงการเลือกตั้งของเขา และสามารถยุติวิกฤตทางเศรษฐกิจ

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยอมร่วมเจรจากับทางเกาหลีใต้อีกครั้ง พร้อมปฏิเสธที่จะพบกับ นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในวันนี้เพื่อหารือถึงคำมั่นที่เคยให้ไว้ว่าจะมีการรวมประเทศกันในปี 2045

· รายงานล่าสุดจากทางเกาหลีใต้ เผย เช้านี้เกาหลีเหนือมีการยิงขีปนาวุธ 2 ลูกลงสู่ทะเล ทางชายฝั่งตะวันออก

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงไปกว่า 1% หลังจากที่ร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาด

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณความกังวลเกี่ยวกับการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อันเป็นผลจากภาวะผกผันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ผลตอบแทนระยะสั้นสูงกว่าระยะยาวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 จึงกดดันต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่จีนขู่จะตอบโต้หากสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ

น้ำมันดิบ Brent ปิด -3% ที่ระดับ 57.67 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด -1.4% ที่ระดับ 54.47 เหรียญ/บาร์เรล 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com