MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งค่าเงินดอลลาร์มีการปรับแข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีจะทำการสนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ย



ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านในสหรัฐฯปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของภาคการก่อนสร้างบ้านหลายหลังในพื้นที่เดียวกัน (Multi-Family) แต่การปรับขึ้นของยอดอนุมัติรอการก่อสร้างกลับเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 7 เดือน จึงช่วยชดเชยความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวในตลาดที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ การที่ยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาดีเกินคาดในวันพฤหัสบดีก็ดูจะช่วยหนุนการเข้าซื้อดอลลาร์



ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.14% ที่ระดับ 1.109 ดอลลาร์/ยูโร โดยเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี ที่ทำไว้เมื่อ 1 ส.ค. บริเวณ 1.1025 ดอลลาร์/ยูโร



ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะเห็นอีซีบีเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ย หลังจากที่ นายออลิ เรนห์ สมาชิกบอร์ดบริหารของอีซีบี เผยว่า อีซีบีอาจกลับมาเริ่มใช้ QE และเปิดกว้างต่อการขยายเวลาเข้าซื้อหุ้น



นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ตลาดคาดว่าจะเห็นอีซีบีเดินหน้ากลับมาผ่อนคลายทางการเงินเร็วขึ้นในการประชุม 12 ก.ย.นี้



ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.05% ที่ระดับ 98.19 จุด หลังจากที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 1.25% จากระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 9 ส.ค.



· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จึงผ่อนคลายความกังวลต่อภาวการณ์ชะลอตัวที่อาจผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้



อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นมาที่ระดับ 1.588% หลังร่วงลงไปต่ำกว่า 1.5% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 30 ปี กลับมายืนเหนือ 2% อีกครั้งบริเวณ 2.047%



นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า เยอรมนีเตรียมกำหนดกฎเกณฑ์งบประมาณที่สมดุลและแบกรับภาระหนี้ใหม่


· รายงานจาก CNBC เผย ถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่คิดว่าจะเศรษฐกิจสหรัฐฯจะก้าวเข้าสู่สภาวะถดถอย หลังจากที่ตลาดการเงินผันผวนมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเขายังคงมั่นใจต่อเศรษฐกิจ และกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในฐานะร่ำรวย จากนโยบายปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของเขาที่เพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

ขณะที่ประธานและผู้บริหารจาก J.P. Morgan Chase, Bank of America และ Citigroup มีการหารือกันถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่ประชาชนตระหนัก แม้ว่านายทรัมป์จะกล่าวอ้างถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาด โดยบรรดาผู้บริหาร กล่าวว่า แม้ว่ากลุ่มผู้บริโภคจะเป็นไปด้วยดี แต่จะดีกว่านี้มากหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้รับการแก้ไข



นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรีกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของนายทรัมป์ กล่าวว่า ข้อมูลยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ประกอบกับยอดคนว่างงานระดับต่ำ ถือเป็นสัญญาณชี้วัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นยังมีความแข็งแกร่งอยู่


· CEO จาก Bank of America คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังสิ้นสุดภาวะฟื้นตัวและกำลังเริ่มต้นเข้าสู่ภาวะขาลงอีกครั้ง และให้ระวังกับการที่พรรคเดโมแครตจะเรียกปรากฎการณ์ดังกล่าวว่าเป็นภาวะ Trump Recession ท่ามกลางบรรดาผู้นำธนาคารหลายแห่งที่หารือเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการปรับตัวร่วงลงของตลาดหุ้น อันเป็นผลมาจากผู้นำสหรัฐฯ

· นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาว กล่าวปกป้องผู้นำสหรัฐฯ โดยระบุว่า นายทรัมป์ดำเนินการเพื่อการสนับสนุนเกษตรกรสหรัฐฯ และทุกๆการดเนินการด้านภาษีใดๆเป็นการทำเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ถูกต้องแก่เกษตรกร ขณะที่เกษตรกรบางส่วน มีการระบุว่า สงครามการค้าของสหรัฐฯและจีนนั้นส่งผลกระทบโดยตรงกับพวกเขา พร้อมกันนี้ ยังมีความกังวลมากขึ้นว่าสงครามการค้าดังกล่าวจะส่งผลให้มีการเลื่อนการเข้าซื้อรถแทรคเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆออกไป


· ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในญี่ปุ่นรายเดือน โดยบีโอเจ พบว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นลดลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน โดยความเชื่อมั่นปรับลดลงติดติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน ล่าสุดในเดือน ส.ค. ความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ -4 จากเดิมในเดือนก่อนหน้าที่ +3

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดำเนินไปอย่างสงบ แต่แกนนำประท้วงได้เปิดเผยว่ายังมีแผนที่จะเดินขบวนต่อตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า จำนวนผู้ชุมนุมมีประมาณ 1.7 ล้านคน รวมถึงกล่าวขอโทษกลับเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนในพื้นที่สนามบิน

ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะยอมรับว่าภาพรวมการชุมนุมเมื่อสุดสัปดาห์จะเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีสัญญาณของความรุนแรงที่อาจก่อตัวขึ้น เนื่องจากมีผู้ชุมนุมบางส่วนปาสิ่งของหรือเล็งแสงเลเซอร์ใส่เจ้าหน้าที่


· นายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสประจำทำเนียบขาวระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะรอให้ผ่านพ้นการเลือกตั้งของอิสราเอลในวันที่ 17 ก.ย. ไปก่อน ถึงจะเปิดเผยแผนดูแลความสงบสุขในพื้นที่ โดยแผนดังกล่าว ได้รับการนำเสนอโดยนายคุชเนอร์ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและรักษาความสงบสุขในพื้นที่ประเทศปาเลสไตน์ จอร์แดน อิยิปต์ และเลบานอน 

· ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์จากระดับต่ำสุดรอบ 2 วันทำการ ควบคู่กับการฟื้นตัวของตลาดหุ้น จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากบรรดาธนาคารกลางต่างๆ จึงช่วยคลายกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบก็ยังคงฟื้นตัวได้อย่างจำกัด หลังจากที่กลุ่มโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในแนวโน้มที่เหลือของปีนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ภาพรวมคาดว่าอุปสงค์ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น ท่ามกลางข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่ยังช่วยจำกัดภาวะอุปทาน



น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 49 เซนต์ หรือ +0.8% ที่ระดับ 58.72 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไป 2.1% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และ -3% ในวันพุธ



น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 40 เซนต์ หรือ +0.7% ที่ระดับ 54.87 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลงไป 1.4% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และ -3.3% ในวันพุธ

BNP Paribas ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้ลง 8 เหรียญ ที่ระดับ 55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 9 เหรียญ ที่ระดับ 62 เหรียญ/บาร์เรล จากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและข้อพิพาททางการค้า