• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 สิงหาคม 2562

    19 สิงหาคม 2562 | Gold News
 

· ราคาทองคำปรับตัวลดลง ท่ามกลางการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และการฟื้นตัวของตลาดหุ้น จากสัญญาณว่าบรรดาธนาคารกลางอาจมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

ราคาทองคำปรับลดลง 0.4% แถว 1,507.11 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.5% แถว 1,515.70 เหรียญ

· นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้น และราคาทองคำก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเกิดแรงเทขายทำกำไรเข้ามากดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง แต่ในภาพรวมระยะยาว ราคาทองคำก็ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นก็ดูจะคงอยู่ได้ไม่นาน

· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีเริ่มฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ลงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน


· ตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยมีแรงหนุนจากธนาคารกลางจีนที่ระบุว่าจะมีการปฏิรูปเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการ

ในภาพรวมรายปี ราคาทองคำปรับสูงขึ้นได้ 19% จากระดับต่ำสุดของปีนี้ ที่ 1,265.85 เหรียญในเดือน พ.ค.

· นักวิเคราะห์มีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีปริมาณอุปสงค์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าจะมีแรงเข้าซื้อตามมาเมื่อราคาย่อตัวลงไประดับหนึ่ง


· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระบุว่า ยังไม่พร้อมที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน พร้อมส่งสัญญาณว่า ทำเนียบขาวต้องการให้รัฐบาลจีนแก้ไขปัญหาการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเสียก่อน


· นักลงทุนจะจับตาถ้อยแถลงของเฟดในการประชุมของธนาคารกลาง ณ เมืองแจ็คสัน โฮล ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหาความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต ส่วนโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ตลาดมองไว้ที่ 71% สำหรับการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%


· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures ระบุว่า แม้ราคาทองคำจะย่อตัวลงจากการแข็งค่าของดอลลาร์ แต่ภาพรวมยังคงได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจากธนาคารกลางทั่วโลก

· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters ประเมินว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,483 – 1,503 เหรียญ

กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ลดการถือครองทองคำลง 0.10% สู่ระดับ 843.41 ตัน

· บรรดากองทุนเฮดฟัจด์และนักบริหารเงินต่างลดการถือครองสถานะ Long ในสัญญาทองคำและซิลเวอร์ตลาด COMEX ลงเล็กน้อย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา



· นักวิเคราะห์จาก London Capital Group เชื่อว่า ราคาทองคำน่าจะมีการพักตัวหรือปรับฐานไประยะหนึ่ง แต่ราคายังมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว เนื่องจากบรรดาธนาคารกลางต่างลดมูลค่าของค่าเงินตัวเองลง จึงเป็นแรงหนุนให้กับราคาทองคำ

· นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ปัจจัยที่จะหนุนราคาทองคำในระยะยาว จะมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกที่ปรับลดลง และล่าสุด ผู้ว่าธนาคารกลางฟินแลนด์มีการเรียกร้องให้อีซีบีพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

· บรรณาธิการ Eureka Miner Report ระบุว่า ราคาทองคำในหน่วยเงินยูโรได้ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับติดลบของยุโรป รวมถึงของญี่ปุ่น ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุนมากกว่า

· ประธานสถาบัน Adrian Day Asset Management มีมุมมองว่า แม้ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะสั้นก็เชื่อว่าจะปรับขึ้นได้อีก เนื่องจากยังมีปริมาณอุปสงค์ในทองคำที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากการผ่อนคลายนโยบายของเฟด ความผันผวนของตลาดหุ้น และการประท้วงในฮ่องกง

· บรรณาธิการ VR Metals/Resource Letter คงคาดการณ์ว่า ราคาทองคำในระยะยาวยังเป็นทิศทางขาขึ้น แต่ในระยะสั้นคาดว่าจะมีการย่อตัวลงมาบ้าง



· Gold technical analysis: ราคาทองคำถูกกดดันจากสัญญาณกลับตัว จับตาระดับ 1,500 เหรียญ

ราคาทองคำกำลังเคลื่อนตัวแถวระดับ 1,508 เหรียญ ซึ่งเป้นการปรับลดลง 0.29% ในระหว่างวัน ขณะที่กราฟแท่งเทียบเกิดสัญญาณ Bearish outside day ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัวเป็นจากขาขึ้นเป็นขาลง ขณะที่เส้น RSI เริ่มมีสัญญาณ Bearish divergence หรือการกลับตัวมาเป้นขาลง และหลุดต่ำกว่าแนวรับของเทรนขาขึ้น

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิค ราคาทองคำมีแนวโน้มย่อตัวลงมาที่ระดับ 1,480 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 13 ส.ค. ในทางกลับกัน หากราคาทองคำยังปรับขึ้นต่อและยืนเหนือ 1,528 เหรียญได้ จะเป็นลบล้างสัญญาณของการกลับตัวในระยะสั้น

· GOLD PRICE FORECAST: เส้น RSI เริ่มส่งสัญญาณถึงแรงเทขาย

ในระยะสั้น ทิศทางขาขึ้นของราคาทองคำดูเหมือนจะเริ่มอ่อนกำลังลง นับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. และจากทวีตข้อความของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่า “การเจรจาการกับจีนเป็นไปด้วยดี” ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลงจากระดับสูงสุดรายปีที่ 1,535 เหรียญลงมา

ความกังวลเกี่ยวกังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะยังคงอยู่ต่อไป ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายยังพยายามที่จะกลับมาเจรจากัน แต่การไร้ซึ่งวี่แววของข้อตกลงการค้า อาจส่งผลให้เฟดมีมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ประกอบกับภาวะที่อัตราเงินเฟ้อยังซบเซา และเศรษฐกิจทั่วโลกต่างชะลอตัวลง ซึ่งอาจทำให้เฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลง

เฟดมีท่าทีจะเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากที่เฟดเคยระบุว่า “จะใช้นโยบายที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป” ส่วนรายงานการประชุมเฟดที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ น่าจะบ่งชี้ถึงท่าทีผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม เนื่องจากบรรดาคณะกรรมการเฟดดูจะสนับสนุนการใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น


ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์โอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. และเฟดมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่วัฐจักรปรับลดดอกเบี้ยอย่างเต็มตัว ในขณะที่นายทรัมป์ยังคงมองว่าเฟดเป็น “ตัวถ่วงทางเศรษฐกิจ”



ในทางเทคนิค ราคาทองคำและเส้น RSI ระยะยาวยังคงเคลื่อนในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 สามารถ Breakout จากแนวโน้มขาลงระยะยาวเมื่อต้นปีนี้ได้ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,402 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญมาได้ แม้ว่าราคาจะมีการลงมาทดสอบเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเส้น RSI และเส้น Oscillator ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 70 จุด บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ราคาจะย่อตัวลงมากกว่านั้น โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ระดับ 1,488 เหรียญ จะมีโอกาสย่อตัวลงมาถึง 1,467 เหรียญ และ 1,457 เหรียญ

สำหรับฝั่งขาขึ้น ยังคงมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1,444 – 1,448 เหรียญ ซึ่งยังต้องจับตาดูต่อไปว่าราคาจะกลับมาขึ้นต่อได้หรือไม่

· ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.6% แถว 16.99 เหรียญ


· ราคาแพลทินัมปรับสูงขึ้น 0.5% แถว 848.54 เหรียญ ส่วนราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.2% แถว 1,450.55 เหรียญ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com